บทความและความรู้


สนใจยอดจนละเลยสังคม ?

18 ก.ย. 2567, 16:36 243

สนใจยอดจนละเลยสังคม?

ไทยมี 'อินฟลู' 2 ล้าน แข่งกันทำคอนเท้นต์

สภาพัฒน์ห่วง 4 ประเด็น คือ เฟคนิวส์ พนันออนไลน์ ละเมิดสิทธิ สร้างค่านิยมอวดรวยให้เยาวชน

รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4 และภาพรวมปี 2566 ของสภาพัฒน์ อธิบายถึงสถานการณ์ 'Influencer เมื่อทุกคนในสังคมล้วนเป็นสื่อ' เอาไว้ว่า ปัจจุบันในประเทศไทยมีจำนวน 'อินฟลูเอนเซอร์' กว่า 2 ล้านคน เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มอาเซียนรองจากอินโดนีเซียอันดับ 1

โดย 'อินฟลูเอนเซอร์' หมายถึง บุคคลทั่วไปที่มีอิทธิพลต่อความคิดและมีกลุ่มผู้ติดตามจำนวนมาก โดยจะนำเสนอเนื้อหา (content) ดึงดูดผู้คนให้เข้ามามีส่วนร่วม (engagement) อย่างกดไลก์ กดแชร์ แสดงความคิดเห็น

ตอนนี้ 'อินฟลูเอนเซอร์' กลายเป็นอาชีพที่เด็กๆ หลายคนฝันอยากเป็น เพราะสามารถสร้างรายได้ค่อนข้างสูง จากการโฆษณาสินค้าและรีวิวสินค้า เริ่มตั้งแต่โพสต์ละ 800 จนถึงโพสต์ละ 700,000 บาทก็มี แต่เพราะ 'อินฟลูเอนเซอร์' ต้องให้ความสำคัญกับ

  • การแข่งขันกันทำ content
  • ให้ความสำคัญกับ engagement

ส่วนหนึ่งจึงกลายเป็นการสร้างคอนเทนต์ โดยไม่คำนึงถึง 'ความถูกต้อง' ของเนื้อหาก่อนเผยแพร่

[ สภาพัฒน์ห่วงข่าวปลอม-พนัน-ละเมิดสิทธิ-สร้างค่านิยมอวดรวย ] โดย 'สภาพัฒน์' ยกตัวอย่างเนื้อหาที่สร้างผลกระทบใน 'ทางลบ' ต่อสังคม 4 เรื่อง

1) นำเสนอข้อมูลเท็จ ข่าวปลอม ไม่เป็นจริง

พบผู้โพสต์เข้าข่ายข่าวปลอม 7,394 บัญชี เป็นข่าวปลอมและข่าวบิดเบือนรวมกว่า 5 พันเรื่อง และเป็นเรื่อง 'สุขภาพ' มากถึง 2,213 เรื่อง

อย่างเช่นกรณี 'อินฟลูเอนเซอร์' เผยข้อมูล 'สูตรสมุนไพรล้างไต' ว่าน้ำต้มข่า ตะไคร้ และใบเตย ถ้าดื่มติดต่อกัน 7 วัน เว้น 7 วัน จะช่วยล้างไตและขับปัสสาวะได้

2) ชักจูง-ชวนเชื่อผิดกฎหมาย 'พนันออนไลน์'

ตอนนี้คนรุ่นใหม่เล่นพนันออนไลน์กว่า 3 ล้านคน โดย 7 ใน 4 หรือราว 7.4 แสนคนเป็น 'นักพนันหน้าใหม่' โดย 87.7% พบการโฆษณาหรือได้รับการชักชวนทางออนไลน์ กระทบแล้วกว่า 1 ล้านคน สะท้อนการโฆษณาเว็บพนันออนไลน์ผ่าน 'อินฟลูเอนเซอร์' บางส่วน

3) ละเมิดสิทธิ บุคคล-เนื้อหา

แบ่งเป็นปัญหา 'ข้อมูล' ละเมิดสิทธิ เพราะนำข้อมูล ภาพ หรือวิดีโอของคนอื่นมาตัดต่อลงคอนเทนต์ โดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีแหล่งที่มาที่ถูกต้อง

และอีกรูปแบบคือ ละเมิดสิทธิผ่านการนำเสนอ อย่างการนำเสนอข่าวอาชญากรรมราวกับละคร สร้างความตื่นเต้นเร้าใจ แต่ไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้เสียหายหรือคนใกล้ชิด

4) สร้างค่านิยม 'อวดรวย'

'อินฟลูเอนเซอร์' บางส่วนชอบเนื้อหาอวดความร่ำรวย และเช่นเดียวกันผู้บริโภคบางส่วนก็ชอบเช่นเดียวกัน โดยผู้บริโภคกว่า 51.2% ชอบการอวดแบบเปิดเผย

ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ยอดนิยมอย่างอวดสินค้าแบรนด์เนม การบริการประทับใจ และไลฟ์สไตล์ รวมถึงการแต่งภาพให้ดูดีเกินจริงกลายเป็น Unrealistic Beauty Standards ที่สภาพัฒน์บอกว่า อาจสร้างค่านิยมที่ผิดให้กัยเยาวชน และนำไปสู่การก่อหนี้มาซื้อสินค้าและบริการ

[ ต่างประเทศมี 'กฎหมายอินฟลู' สร้างบรรทัดฐาน ]

ในต่างประเทศหลายประเทศมี 'กฎหมายอินฟลูเอนเซอร์' ที่ความเข้มงวดจะแตกต่างกันออกไป

  •  จีน : ห้ามเผยแพร่เนื้อหาอวดความร่ำรวย และการใช้ชีวิตแบบกินหรูอยู่สบายเกินจริง อย่างโชว์เงินสด รถยนต์หรูหรา และการกินอาหารแบบทิ้งขว้าง
  • UAE : ออกกฎหมายให้ผู้ที่เป็น Infuencer จะต้องจดทะเบียน และได้รับใบอนุญาตจากสภาสื่อแห่งชาติ (NMC) ป้องกันการโฆษณาเนื้อหาหรือกิจกรรม

ที่ผิดกฎหมายบนโซเชียลมีเดีย

  • นอร์เวย์ : ออกกฎหมายกำหนดให้ Influencer ต้องแจ้งรายละเอียดภาพบุคคลที่ใช้สำหรับการขายและโฆษณาสินค้าบนโซเชียลมีเดีย ต่อหน่วยงานรัฐ นอกจากนั้น ยังกำหนดให้แสดงเครื่องหมายกำกับลงบนภาพหากผ่านการปรับแต่ง ลดปัญหาความกดดันทางสังคมต่อมาตรฐานความงามที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน
  •  สหราชอาณาจักร : อยู่ระหว่างพิจารณาร่างกฎหมายสำหรับรูปภาพที่ผ่านการปรับแต่งดิจิทัล (Digitally Altered Body Image Bill) กำหนดให้ผู้โฆษณา ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ รวมถึง Influencer ต้องแสดงเครื่องหมายลงบนภาพ ที่ได้มีการปรับแต่งส่วนหนึ่งส่วนใดบนร่างกาย

ส่วน 'ไทย' ยังไมมีกำหนดกฎระเบียบสำหรับอินฟลูเอนเซอร์ที่ชัดเจน โดยตอนนี้มีแต่ พ.ร.บ. คอมฯ หรือ พ.ร.บ. คุ้มคอรงผู้บริโภค และอยู่ระหว่างร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน แต่ถ้าจะขยายขอบเขตออกไป อาจต้องกำหนดนิยามสื่อออนไลน์และการกำกับดูแลใหม่ สภาพัฒน์อธิบาย

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : TODAYBizview


แสดงความคิดเห็น

Scroll to Top