ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังซบเซาไม่คึกครื้นเหมือนที่ผ่านมา เรียกค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนแถบจะไม่พอใช้จ่าย วันนี้ ไอดีไดรฟ์ จะมาแนะนำอาชีพสำหรับหารายได้เสริมในวันที่ขาดกระเป๋าแบบนี้
1. ขับแกร็บ / LINE MAN / Bolt
รายได้เฉลี่ย 800–1,500 บาทต่อวัน (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและเมือง)
2. รับจ้างขับรถให้ผู้สูงอายุ / เด็กนักเรียน
มีคนต้องการคนขับที่ไว้ใจได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่
3. ขับรถรับส่งของ (เดลิเวอรี่ / แพ็คเกจ / เอกสาร)
เหมาะกับคนมีรถกระบะ หรือแม้แต่เก๋งก็เริ่มได้
4. ปล่อยรถให้เช่า พร้อมบริการขับเอง (Self-drive + Driver)
ถ้าคุณมีรถที่ดูดี/ปลอดภัย อาจเปิดเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ได้เลย
5. รับจ้างขับรถพาเที่ยว / เที่ยวในจังหวัด / one day trip
โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต อีสานใต้
6. ขับรถทำคอนเทนต์ (YouTube / TikTok)
เช่น ช่องรีวิวรถ รีวิวเส้นทางท่องเที่ยว หรือ Vlog ขับรถส่งของจริง
สร้างรายได้จากยอดวิว + สปอนเซอร์
7. ขับรถไปขายของ (ฟู้ดทรัค / รถพับได้ / รถขายน้ำ)
ใช้รถให้เป็น "ร้านเคลื่อนที่" ไม่ต้องเช่าร้านก็หาเงินได้
ไม่ว่าคุณจะมีรถยนต์ส่วนตัว รถกระบะ หรือแม้แต่แค่มีใบขับขี่
วันนี้คุณสามารถเริ่มสร้างรายได้เสริมทันทีจากสิ่งใกล้ตัว
อย่าปล่อยให้รถจอดเฉย อย่าปล่อยให้ความสามารถถูกพักไว้
ใช้เวลาว่างให้คุ้ม เปลี่ยนพวงมาลัยให้เป็นรายได้
เพราะเมื่อคุณขับได้...รายได้ก็มาได้เหมือนกัน
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
9
10 มิ.ย. 2568, 13:04
เมื่อฝนเริ่มโปรยปราย ไอดี ไดรฟ์ เชื่อว่าหลายๆคนอาจรู้สึกชุ่มฉ่ำ เย็นสบาย แต่สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว ฝนไม่ได้มาแค่ความสดชื่น แต่ยังมาพร้อม อันตรายที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะ “ถนนลื่น” ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของอุบัติเหตุในฤดูฝน
ทำไมถนนถึงลื่นในช่วงฝนตก?
ทันทีที่ฝนตกลงมาโดยเฉพาะในช่วงแรก พื้นถนนที่มีฝุ่น, ดิน, น้ำมันเครื่อง หรือเศษคราบต่าง ๆ จะถูกผสมเข้ากับน้ำฝน กลายเป็นฟิล์มบาง ๆ บนผิวถนน ทำให้รถสูญเสียแรงยึดเกาะ ยิ่งหากใช้ความเร็วสูงหรือเบรกกระทันหัน โอกาสลื่นไถลก็ยิ่งมากขึ้น
ผลที่ตามมาคืออะไร?
เบรกไม่อยู่ รถอาจไถลไปชนคันหน้า หรือเสียหลักตกข้างทาง
พวงมาลัยควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะหากยางรถเก่า ดอกยางตื้น หรือแรงดันลมไม่เหมาะสม
เกิดอาการเหินน้ำ (Hydroplaning) รถจะลอยบนผิวน้ำชั่วคราว ทำให้ควบคุมทิศทางไม่ได้เลย
วิธีลดความเสี่ยงถนนลื่นช่วงฝนตก
ลดความเร็วลง
ขับช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะช่วงฝนเริ่มตก หรือเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย
เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น
เพราะระยะเบรกจะยาวขึ้นกว่าปกติหลายเท่า
หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหันหรือหักพวงมาลัยเร็ว ๆ
เช็กยางรถเป็นประจำ
ดูว่าดอกยางลึกพอหรือยัง ยางไม่แข็ง ไม่บวม และลมยางอยู่ในระดับที่เหมาะสม
ฝึกใช้เบรกอย่างนุ่มนวล
หากใช้รถที่ไม่มีระบบ ABS ควรแตะเบรกเป็นจังหวะ ๆ เพื่อป้องกันล้อล็อก
ฝนตกไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ถ้าเราขับขี่ด้วยสติ ไม่ประมาท และเตรียมรถให้พร้อมอยู่เสมอ
แค่ชะลอความเร็ว คุณก็อาจช่วยชีวิตใครบางคนไว้ได้แล้ว
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
36
11 มิ.ย. 2568, 02:49
การตัดสินใจ เรียนขับรถเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางไม่ว่าคุณจะตั้งใจจะขับขี่ รถยนต์ หรือ รถจักรยานยนต์การเตรียมตัวที่ดีจะทำให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพโรงเรียนสอนขับรถ “ไอดีไดร์ฟเวอร์” ขอแนะนำ ข้อควรรู้ก่อนเรียนขับรถเพื่อเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจให้คุณเป็นนักขับที่มีคุณภาพและปลอดภัย
1. ตรวจสอบคุณสมบัติและอายุให้พร้อม:
ก่อนเริ่มต้นเรียน คุณควรตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นที่สำคัญที่สุด:
สำหรับรถจักรยานยนต์: ต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
สำหรับรถยนต์: ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
การปฏิบัติตามเกณฑ์อายุที่กฎหมายกำหนดเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อให้การดำเนินการขอใบขับขี่เป็นไปอย่างถูกต้อง
2. สุขภาพร่างกายและจิตใจต้องพร้อมสำหรับการขับขี่:การขับขี่เป็นทักษะที่ต้องใช้สมาธิและการตัดสินใจที่รวดเร็ว
การเตรียมความพร้อมทางกายและใจจึงเป็นสิ่งจำเป็น:
สายตาและการมองเห็น:ควรตรวจสอบว่าสายตาของคุณอยู่ในเกณฑ์ปกติสามารถมองเห็นได้ชัดเจนทั้งในระยะใกล้และไกลรวมถึงการแยกแยะสีต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง หากมีปัญหาด้านสายตาควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนเริ่มเรียน
การได้ยิน: การได้ยินเสียงรอบข้าง เช่น เสียงแตรรถหรือเสียงเครื่องยนต์ เป็นสิ่งจำเป็นในการขับขี่ควรตรวจเช็คการได้ยินของคุณ
สมาธิและปฏิกิริยา: การขับรถต้องใช้สมาธิและการตัดสินใจที่รวดเร็วหากคุณมีปัญหาสมาธิสั้นหรือมีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการตอบสนองควรปรึกษาแพทย์และแจ้งให้โรงเรียนสอนขับรถทราบ
ความพร้อมทางอารมณ์: การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอาจทำให้เกิดความเครียดหรือความกังวล การรักษาสุขภาพจิตให้ดีมีความอดทน และใจเย็น
จะช่วยให้การเรียนขับรถมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ทำความเข้าใจเรื่องกฎหมายและข้อบังคับเบื้องต้น:แม้จะยังไม่ได้เริ่มเรียนขับรถ แต่การศึกษา ข้อควรรู้ก่อนเรียนขับรถเกี่ยวกับกฎจราจรและป้ายจราจรเบื้องต้นจะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการขับขี่มากขึ้นและทำให้การเรียนรู้ในภาคทฤษฎีง่ายขึ้นมาก “ไอดีไดร์ฟเวอร์”มีหลักสูตรการสอนที่ครอบคลุมในเรื่องนี้แต่การศึกษาล่วงหน้าจะช่วยให้คุณได้เปรียบ
4. เตรียมตัวกับการเรียนรู้ที่อาจต้องใช้เวลา:การขับรถเป็นทักษะที่ต้องใช้การฝึกฝนและความอดทนไม่ใช่ทุกคนที่จะขับเป็นได้ภายในไม่กี่วันการเตรียมใจให้พร้อมกับการเรียนรู้ที่อาจใช้เวลาและต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณไม่ท้อถอยและพัฒนาทักษะได้ดียิ่งขึ้น
5. เลือกโรงเรียนสอนขับรถที่ได้มาตรฐานและน่าเชื่อถือ (เลือก“ไอดีไดร์ฟเวอร์” !):นี่คือ ข้อควรรู้ก่อนเรียนขับรถ ที่สำคัญที่สุด
การเลือกโรงเรียนสอนขับรถที่มีคุณภาพอย่าง “ไอดีไดร์ฟเวอร์”จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด:
ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก: “ไอดีไดร์ฟเวอร์”เป็นโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมซึ่งรับประกันคุณภาพการสอนและมาตรฐานของหลักสูตร
ครูผู้สอนมีประสบการณ์และได้รับการรับรอง:ทีมครูผู้สอนของเรามีความรู้ ความสามารถ และมีเทคนิคการสอนที่ดีสามารถถ่ายทอดความรู้ให้เข้าใจง่าย
มีสนามฝึกหัดที่ได้มาตรฐาน:สนามฝึกหัดที่ปลอดภัยและจำลองสถานการณ์จริงจะช่วยให้คุณฝึกฝนได้อย่างเต็มที่
รถยนต์/รถจักรยานยนต์ที่ใช้สอนทันสมัยและปลอดภัย:รถทุกคันอยู่ในสภาพดี มีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยในการเรียน
มีหลักสูตรที่ครบถ้วนและยืดหยุ่น พร้อมสอบได้ที่โรงเรียน:หลักสูตรของเราครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติและสามารถปรับให้เข้ากับตารางเวลาของผู้เรียนได้ที่สำคัญคือคุณสามารถ สอบทฤษฎีและปฏิบัติได้ที่โรงเรียนซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มความสะดวกสบายอย่างมาก
บริการครอบคลุมพื้นที่: ไม่ว่าคุณจะอยู่ใน ขอนแก่น, มหาสารคาม,ปทุมธานี, สระบุรี หรือจังหวัดอื่นๆ ใน ภาคตะวันออกเฉลียงเหนือ
เราพร้อมให้บริการคุณ6. เตรียมคำถามและเปิดใจเรียนรู้:เมื่อเริ่มเรียนขับรถ อย่าลังเลที่จะถามคำถามกับครูผู้สอนหากมีข้อสงสัยหรือไม่เข้าใจในเรื่องใดๆการเปิดใจเรียนรู้และรับฟังคำแนะนำจะช่วยให้คุณพัฒนาทักษะการขับขี่ได้อย่างรวดเร็ว“ไอดีไดร์ฟเวอร์” : พร้อมเป็นเพื่อนคู่คิดในการเรียนขับรถของคุณที่โรงเรียนสอนขับรถ “ไอดีไดร์ฟเวอร์” เราเข้าใจ ข้อควรรู้ก่อนเรียนขับรถเหล่านี้เป็นอย่างดีและพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมของคุณด้วยทีมงานคุณภาพ หลักสูตรที่ได้มาตรฐานและความมุ่งมั่นที่จะสร้างนักขับขี่ที่มีความรับผิดชอบและปลอดภัยบนท้องถนน มั่นใจได้ว่าการเรียนขับรถกับเราจะเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
34
10 มิ.ย. 2568, 10:26
วันนี้ ไอดี ไดรฟ์ พามาทำความรู้จัก“น้ำในหม้อน้ำ” กัน คือของเหลวที่คนใช้รถควรรู้จักและใส่ใจอย่างยิ่ง เพราะมันมีหน้าที่สำคัญในการ ควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ ให้ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่ร้อนจนเกินไป
หน้าที่ของน้ำในหม้อน้ำ
ระบายความร้อนจากเครื่องยนต์ ที่เกิดจากการเผาไหม้
ป้องกันเครื่องยนต์ร้อนเกิน (โอเวอร์ฮีต)
ช่วยรักษาอุปกรณ์ในระบบหล่อเย็นไม่ให้สึกกร่อน
ช่วยให้น้ำหมุนเวียนได้ดีขึ้นเมื่อน้ำหล่อเย็นมีสารป้องกันสนิม (Coolant)
หากละเลยหรือน้ำแห้ง จะเกิดอะไรขึ้น?
เครื่องยนต์ร้อนจัดจน ฝาสูบโก่ง หรือ เครื่องยนต์พัง ได้
อาจเกิดอุบัติเหตุจากรถดับกลางทาง
ระบบปั๊มน้ำหรือท่อยางเสียหายเร็วกว่าปกติ
วิธีดูแลน้ำในหม้อน้ำ
เช็กระดับน้ำในหม้อพักน้ำ เป็นประจำ (อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง)
ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังร้อน! (เสี่ยงน้ำพุ่งใส่)
ใช้น้ำยาหล่อเย็น (Coolant) แทนน้ำเปล่าล้วน เพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า
เปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นทุก 2 ปี หรือประมาณ 40,000 กม.
สรุป: น้ำในหม้อน้ำคือระบบหล่อเย็นสำคัญที่ช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ของคุณ การใส่ใจและตรวจเช็กเป็นประจำช่วยป้องกันปัญหาใหญ่และค่าใช้จ่ายซ่อมแพงในอนาคต
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
40
9 มิ.ย. 2568, 16:06
ไอดี ไดรฟ์ เคยได้ยินคำพูดที่ว่าหลายคนอาจ “ขับเร็วประหยัดน้ำมันกว่า” ฟังดูขัดกับสามัญสำนึกอยู่ไม่น้อย เพราะเรามักเชื่อกันว่าการขับรถเร็วจะกินน้ำมันมากกว่า แล้วสรุปแล้ว...มันจริงหรือไม่? วันนี้เรามาไขข้อสงสัยนี้กันครับ
“จริงบางกรณี แต่ไม่เสมอไป” การขับรถเร็ว อาจ ประหยัดน้ำมันกว่าการขับช้ามาก ๆ แต่ถ้าเร็วเกินไปก็จะทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น เช่นกัน
มาดูเหตุผลทางเทคนิคกัน
1. รอบเครื่องยนต์มีผลโดยตรง
หากขับด้วยความเร็วที่เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ (เช่น 80-100 กม./ชม. ในเกียร์สูงสุด) รถจะใช้น้ำมันน้อยต่อระยะทาง 1 กม. มากกว่าการขับช้ากว่านั้นในเกียร์ต่ำ
2. ความเร็วต่ำเกินไปก็ไม่ดี
การขับช้าเกินไป (เช่น 30-50 กม./ชม.) อาจทำให้รอบเครื่องอยู่ในช่วงที่ไม่ประหยัด และยังต้องใช้เกียร์ต่ำ ส่งผลให้กินน้ำมันมากขึ้น
3. ขับเร็วเกินไป = ต้านลมเพิ่ม
เมื่อความเร็วเกินกว่า 110 กม./ชม. แรงต้านอากาศจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ทำให้เครื่องต้องใช้แรงและน้ำมันมากขึ้นในการวิ่ง
4. พฤติกรรมการขับขี่ก็สำคัญ
การขับแบบเร่ง-เบรกบ่อย ขึ้นเขาเร็ว ๆ หรือลงเนินแล้วเหยียบคันเร่งต่อเนื่อง = เปลืองแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเร็วหรือช้า
แล้วขับความเร็วเท่าไหร่จึงประหยัดที่สุด?
โดยทั่วไปแล้ว ความเร็วที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการประหยัดน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ
80 – 100 กม./ชม. บนทางหลวง และควรใช้ เกียร์สูงสุด ที่เครื่องยนต์ยังทำงานได้ลื่นไหล
สรุปให้เข้าใจง่าย
ขับช้าเกินไป
ไม่ประหยัด (เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ)
ขับเร็วพอเหมาะ (80-100 กม./ชม.)
ประหยัดที่สุด
ขับเร็วเกินไป (110+ กม./ชม.)
เปลืองน้ำมันมาก
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการขับรถให้ประหยัดน้ำมัน
วางแผนเส้นทาง – หลีกเลี่ยงรถติด
ขับทางเรียบให้ต่อเนื่อง ไม่เบรกบ่อย
เช็คลมยางให้เหมาะสมอยู่เสมอ
ไม่บรรทุกของหนักโดยไม่จำเป็น
ใช้ระบบ Cruise Control เมื่อขับทางไกล
จะขับเร็วหรือช้า ไม่ใช่แค่เรื่องประหยัด แต่ยังเป็นเรื่อง ความปลอดภัย อย่าลืมว่า “ขับขี่ปลอดภัย ถึงไว และถึงบ้านอย่างมีความสุข” สำคัญกว่าแค่การประหยัดน้ำมันครับ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
56
11 มิ.ย. 2568, 02:17