บทความและความรู้


5 พฤติกรรมขับรถเสี่ยงอุบัติเหตุที่คุณอาจเผลอทำโดยไม่รู้ตัว

อุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ได้เกิดจากโชคร้ายเสมอไป การขับรถเป็นกิจกรรมที่เราทำกันทุกวัน แต่เชื่อหรือไม่ว่า หลายคนอาจมี พฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ โดยไม่รู้ตัว บางสิ่งดูเหมือนไม่มีผลอะไรในขณะนั้น แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้อย่างไม่คาดคิด ในบทความนี้ IDDRIVER ขอพาคุณมารู้จักกับ 5 พฤติกรรมขับรถที่เสี่ยงอุบัติเหตุ ที่คุณอาจเผลอทำอยู่เป็นประจำ เพื่อให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงได้ทันเวลา และขับขี่อย่างปลอดภัยทุกเส้นทาง 1. ขับเร็วเกินกำหนด แม้ถนนโล่ง หลายคนมักคิดว่า “ขับเร็วแค่ไหนก็ได้ ถ้าควบคุมรถอยู่” แต่ความจริงคือการ ขับรถเร็วเกินกำหนด เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเฉพาะเมื่อเจอกับสิ่งไม่คาดคิด เช่น คนตัดหน้า รถเบรกกระทันหัน หรือสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลง ขับรถอย่างปลอดภัย ควรใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และปรับตามสภาพถนนจริง 2. ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ แม้จะใช้สมอลทอล์ก หรือแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแป๊บเดียว แต่การละสายตาจากถนนเพียง 2–3 วินาที ก็เพียงพอให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้ เช่น รถเบรกกะทันหัน หรือชนท้ายรถคันหน้า พฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุแบบนี้ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด หากจำเป็นควรจอดรถในที่ปลอดภัยก่อนใช้งานโทรศัพท์ 3. เปลี่ยนเลนกระทันหันโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ไฟเลี้ยวเป็นสัญญาณพื้นฐานที่มีไว้เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น การเปลี่ยนเลนหรือเลี้ยวโดย ไม่เปิดไฟเลี้ยว ถือเป็นการสร้างความสับสน เสี่ยงต่อการถูกรถอื่นชน หรือเบรกไม่ทัน การขับรถอย่างปลอดภัยต้องมี “น้ำใจและวินัยจราจร” รู้จักใช้ไฟเลี้ยวทุกครั้งที่เปลี่ยนทิศทาง 4. ขับรถชิดคันหน้ามากเกินไป หนึ่งในพฤติกรรมที่หลายคนมองข้ามคือ การขับรถจี้ท้าย รถคันหน้าโดยไม่เว้นระยะห่างที่เหมาะสม หากรถคันหน้าเบรกกะทันหัน คุณอาจไม่มีเวลาพอที่จะหยุดรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนท้าย เว้นระยะห่างตามกฎหมาย (อย่างน้อย 2 วินาที) จะช่วยให้คุณมีเวลาตัดสินใจและเบรกได้อย่างปลอดภัย 5. ขับรถในขณะง่วงหรืออ่อนเพลีย การขับรถในขณะที่ง่วงนอน หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลโดยตรงต่อ ความสามารถในการตัดสินใจและการควบคุมรถ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการหลับในและเกิดอุบัติเหตุสูงมาก หากคุณรู้สึกง่วง ควรหยุดพักทันที หรือหาเครื่องดื่มที่ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว และหลีกเลี่ยงการขับรถทางไกลในช่วงเวลากลางคืน IDDRIVER สนับสนุนการขับขี่อย่างปลอดภัย IDDRIVER ไม่ใช่แค่ตัวแทนในการต่อภาษี พ.ร.บ. หรือประกันภัยรถยนต์ แต่ยังมุ่งมั่นในการให้ความรู้ด้านการขับขี่และความปลอดภัยบนท้องถนน เราเชื่อว่า “ความปลอดภัยเริ่มต้นที่ตัวคุณ” และขอเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริม พฤติกรรมขับขี่อย่างรับผิดชอบ หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย หรือใช้บริการอบรมความปลอดภัยในการขับรถสำหรับองค์กร/พนักงานขับรถ เปลี่ยนพฤติกรรมวันนี้ เพื่อความปลอดภัยทุกวัน อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกวัน และในหลายครั้ง เกิดจาก “พฤติกรรมเล็ก ๆ” ที่เรามองข้าม การปรับพฤติกรรมขับขี่เพียงเล็กน้อย เช่น ลดความเร็ว ใช้ไฟเลี้ยว และเว้นระยะห่าง ก็สามารถลดความเสี่ยงได้มากกว่าที่คุณคิด อย่าปล่อยให้ “ความเคยชิน” กลายเป็น “ความเสี่ยง” เปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อให้คุณและทุกคนปลอดภัย ด้วยความห่วงใยจาก IDDRIVER สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า) โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377 อีเมล : contact@iddrives.co.th

55 30 ก.ค. 2568, 23:22

เช็คภาพรถหลังน้ำท่วม วิธีตรวจสอบและดูแลรถยนต์ให้ปลอดภัยหลังจมน้ำ!!

น้ำท่วมเป็นเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายพื้นที่ และอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีรถยนต์ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม การตรวจเช็คสภาพรถหลังน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้รถของคุณสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในอนาคตได้อีกด้วย ในบทความนี้ บริษัทไอดีไดร์ฟ จะพาเรามาดูวิธีการเช็คสภาพรถหลังน้ำท่วม รวมถึงสิ่งที่ควรทำหากพบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจมน้ำของรถ ตรวจสอบสภาพภายนอกของรถ สิ่งแรกที่ควรทำคือการตรวจสอบสภาพภายนอกของรถให้ละเอียด ตั้งแต่แชสซีถึงปีกและประตู เมื่อรถได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม จะมีโอกาสที่สีของรถอาจจะเปลี่ยนแปลงหรือเกิดการกัดกร่อนจากน้ำ หากพบรอยผุพังที่ใด ควรนำรถไปซ่อมทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายที่รุนแรงขึ้น ตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในรถยนต์ การตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์หลังน้ำท่วมจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดความเสียหายระยะยาว เช่น การเกิดสนิมหรือการลัดวงจรจากน้ำที่ไหลเข้าไปในระบบไฟฟ้า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีน้ำขังอยู่ในห้องเครื่องและไม่พบสนิมที่อาจส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ การตรวจเช็คการทำงานของระบบไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบ ECU (Electronic Control Unit) หรือเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ควรให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจเช็คอย่างละเอียด ตรวจสอบระบบเบรก ระบบเบรกเป็นอีกส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับขี่เพื่อความปลอดภัย หลังจากน้ำท่วม ควรตรวจเช็คการทำงานของระบบเบรก ว่ายังคงทำงานได้ตามปกติหรือไม่ เนื่องจากน้ำอาจเข้าไปในเบรกและทำให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลงได้ หากพบปัญหาการเบรกไม่ค่อยดี หรือพบคราบน้ำที่มีสนิม ควรรีบตรวจสอบและซ่อมแซมทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ ตรวจสอบระบบการระบายความร้อน รถยนต์ที่จมน้ำอาจได้รับผลกระทบจากการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ระบบหล่อเย็นหรือหม้อน้ำอาจได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนเกินไปหรือเกิดการระเบิดได้ ควรตรวจเช็คหม้อน้ำและระบบหล่อเย็นให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายในอนาคต ตรวจสอบภายในห้องโดยสาร การตรวจเช็คสภาพภายในห้องโดยสารเป็นสิ่งที่ควรทำโดยเฉพาะเมื่อรถจมน้ำ ภายในห้องโดยสารมีส่วนที่เสี่ยงต่อการได้รับความเสียหายจากน้ำ เช่น พรม, เบาะ, และระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ภายในรถ ควรตรวจเช็คว่าไม่มีน้ำขังที่สามารถทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น หรือทำให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า ตรวจเช็คระบบอากาศ ระบบปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศในรถก็เป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้ น้ำอาจทำให้ระบบแอร์เสียหายได้ ควรตรวจสอบว่าเครื่องฟอกอากาศทำงานได้ตามปกติหรือไม่ และไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ การบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาหลังน้ำท่วม หลังจากการตรวจเช็คสภาพรถแล้ว หากพบความเสียหายหรืออุปกรณ์บางอย่างที่ทำงานผิดปกติ ควรนำรถไปให้ช่างผู้ชำนาญการตรวจซ่อมแซม อาจจะต้องทำการล้างทำความสะอาดหรือซ่อมแซมระบบที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม คำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลรถหลังน้ำท่วม รีบทำการตรวจเช็คทันทีหลังจากน้ำลด: หากปล่อยไว้นานอาจทำให้รถได้รับความเสียหายมากขึ้น ห้ามสตาร์ทเครื่องยนต์หากมีน้ำอยู่ในระบบ: การสตาร์ทเครื่องยนต์ขณะที่มีน้ำอาจทำให้เกิดความเสียหายรุนแรงต่อเครื่องยนต์ ให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจเช็ค: การให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คสภาพรถเป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของคุณ สรุป การเช็คสภาพรถหลังน้ำท่วมเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน และการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต หลังจากน้ำท่วม ควรตรวจสอบเครื่องยนต์, ระบบไฟฟ้า, เบรก, ระบบการระบายความร้อน และอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในรถอย่างละเอียด หากพบปัญหา ควรนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจซ่อมแซมทันที การดูแลรถหลังน้ำท่วมไม่เพียงแต่ช่วยให้รถของคุณกลับมาใช้งานได้ดีเท่านั้น แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมในอนาคตได้อีกด้วย   สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า) โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377 อีเมล : contact@iddrives.co.th

56 28 ก.ค. 2568, 05:12

จะเกิดอะไรขึ้นหากคุณไม่ทำใบขับขี่? ข้อดีและข้อเสียที่คุณต้องรู้

ในปัจจุบัน การทำใบขับขี่ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะ ไม่เพียงแค่จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคุณอย่างมาก หากคุณตัดสินใจไม่ทำใบขับขี่ นอกจากจะมีปัญหาทางกฎหมายแล้ว ยังอาจส่งผลต่อความสะดวกสบายในการเดินทางและการดำเนินชีวิตในหลายๆด้าน ดังนั้นทาง บริษัท ไอดีไดร์ฟ จะมาช่วยบอกถึงปัญหาและผลกระทบ หากคุณไม่ทำใบขับขี่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง   ผลกระทบทางกฎหมาย การขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์โดยไม่มีใบขับขี่ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย หากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบว่าคุณขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่ คุณอาจจะถูกปรับหรือจับกุมได้ทันที โดยมีค่าปรับสูงหรือแม้กระทั่งต้องไปขึ้นศาล ขึ้นอยู่กับกรณีและสถานการณ์ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น และคุณไม่มีใบขับขี่ การรับผิดชอบในเรื่องค่าเสียหายหรือการคุ้มครองจากประกันภัยอาจถูกยกเลิกได้ เนื่องจากคุณถือว่าไม่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือค่าเสียหายจากอุบัติเหตุจะเป็นภาระที่คุณต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด   ความสะดวกในการเดินทาง การไม่มีใบขับขี่จะจำกัดความสะดวกสบายในการเดินทางของคุณอย่างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่คุณต้องการเดินทางไกลหรือในพื้นที่ที่การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะไม่สะดวก เมื่อคุณไม่มีใบขับขี่ คุณจะต้องพึ่งพาการขนส่งสาธารณะหรือการเช่ารถ ซึ่งอาจจะไม่สะดวกและใช้เวลานานกว่าการขับขี่รถยนต์เอง   ความเสี่ยงในการถูกละเมิดสิทธิ์ การขับขี่รถยนต์หรือจักรยานยนต์โดยไม่มีใบขับขี่อาจทำให้คุณถูกมองว่าเป็นผู้ขับขี่ที่ไม่รับผิดชอบ ซึ่งอาจส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตัวคุณลดลง การไม่มีใบขับขี่ยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่คุณจะถูกละเมิดสิทธิ์จากผู้ขับขี่ที่มีใบขับขี่ เช่น การแย่งที่จอดรถ หรือการขับรถเร็วเกินไปในบริเวณที่ไม่ควร เป็นต้น   การเสียโอกาสทางอาชีพ หลายๆ อาชีพในปัจจุบันมีความจำเป็นที่ต้องขับรถยนต์ เช่น พนักงานขับรถส่งสินค้า, คนขับแท็กซี่ หรือแม้แต่พนักงานที่ต้องเดินทางไปพบลูกค้าหรือพันธมิตรทางธุรกิจ หากคุณไม่มีใบขับขี่ คุณอาจพลาดโอกาสในงานที่มีการขับขี่รถยนต์ ซึ่งจะส่งผลให้คุณต้องพลาดโอกาสในการทำงานในตำแหน่งที่ต้องใช้ทักษะการขับขี่   ค่าใช้จ่ายในการเรียนและสอบใบขับขี่ หลายคนอาจมองว่าการทำใบขับขี่เป็นเรื่องที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าสอบ ค่าบริการการเรียน และค่าบริการต่างๆ แต่จริงๆ แล้ว การลงทุนในการทำใบขับขี่ในระยะยาวจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในกรณีที่คุณต้องจ่ายค่าปรับจากการขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่ หรือค่าขนส่งที่ใช้ในการเดินทางในแต่ละวัน   ความสามารถในการขับขี่อย่างปลอดภัย การทำใบขับขี่ไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสามารถในการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีจิตสำนึกในการใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น การเรียนการสอนในการทำใบขับขี่ช่วยให้คุณมีความรู้ในเรื่องของกฎจราจรและวิธีการขับขี่ที่ถูกต้อง ทำให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องชีวิตของตัวคุณเอง แต่ยังช่วยปกป้องชีวิตของผู้อื่นบนท้องถนน   ข้อสรุป จากทั้งหมดนี้ การทำใบขับขี่จึงมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวัน ทั้งในแง่ของการปฏิบัติตามกฎหมาย การปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน และการสร้างโอกาสในการทำงาน หากคุณยังไม่มีใบขับขี่ ควรพิจารณาเรียนรู้และทำใบขับขี่เพื่อให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย การไม่ทำใบขับขี่อาจดูเหมือนเป็นการประหยัดเงินในระยะสั้น แต่ในระยะยาว อาจส่งผลกระทบในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องความสะดวกสบายในการเดินทาง และผลเสียจากการละเมิดกฎหมาย   สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า) โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377 อีเมล : contact@iddrives.co.th

44 29 ก.ค. 2568, 16:50

ขับรถหลงทางในเมืองใหญ่ – ID Drives สอนให้คุณเอาตัวรอดได้

การขับรถในเมืองใหญ่สำหรับมือใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทั้งการจราจรที่วุ่นวาย ป้ายจราจรที่ซับซ้อน รวมถึงเส้นทางที่เต็มไปด้วยแยก ซอย และทางลัดที่ดูคล้ายกันไปหมด หลายคนเมื่อเริ่มต้นขับรถด้วยตัวเองก็มักจะประสบกับปัญหา “ขับรถหลงทาง” จนรู้สึกเครียดหรือหมดความมั่นใจในการขับรถ วันนี้ เราชาว ไอดีไดร์ฟ  จะพาทำความเข้าใจว่าการเรียนรู้ไม่ได้จบแค่การจับพวงมาลัยหรือเปลี่ยนเกียร์ได้ แต่คือการเตรียมพร้อมให้ผู้เรียนสามารถ “เอาตัวรอดได้” เมื่อเจอสถานการณ์จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลงทางในเมืองใหญ่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน   ทำไมการหลงทางในเมืองใหญ่จึงน่ากลัวสำหรับมือใหม่? ความไม่คุ้นเคยกับเส้นทาง – โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ถนนมีชื่อคล้ายกัน หรือมีซอยที่ตัดกันหลายจุด แรงกดดันจากการจราจร – เมื่อต้องตัดสินใจในเสี้ยววินาที อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก การขาดทักษะการวางแผนล่วงหน้า – เช่น ไม่รู้วิธีเปิด GPS ขณะขับรถ หรือไม่เข้าใจการใช้แผนที่ ความกังวลใจเกี่ยวกับความปลอดภัย – โดยเฉพาะเมื่อต้องขับเข้าไปในซอยเปลี่ยว หรือตอนกลางคืน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่หลายโรงเรียนสอนขับรถ “มองข้าม” แต่ โรงเรียนสอนขับรถไอดีไดร์ฟเวอร์ กลับให้ความสำคัญอย่างยิ่ง   ID Drives สอนอะไรเพื่อรับมือกับการหลงทาง? การเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้า การตั้งค่า GPS การดูแผนที่ผ่านมือถือ รวมถึงวิธีการประเมินเส้นทางสำรองเผื่อมีการปิดถนนหรือการจราจรติดขัด การใช้แอปพลิเคชันช่วยนำทางอย่างมือโปร ไม่ใช่แค่เปิด Google Maps แล้วขับตาม แต่ยังสอนให้รู้วิธีตั้งจุดแวะพัก การเลี่ยงเส้นทางรถติด และการใช้โหมดขับรถให้ปลอดภัยขณะใช้มือถืออย่างถูกต้องตามกฎหมาย เทคนิคการตั้งสติและหาทางออกเมื่อหลงทาง ไม่ว่าจะหลุดเข้าไปในซอยที่ไม่รู้จัก หรือขับเลยทางออกสำคัญ ID Driver จะสอนให้รู้วิธี U-turn อย่างปลอดภัย หาจุดจอดไม่ขวางทางจราจร และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง การสื่อสารอย่างมั่นใจเมื่อขอความช่วยเหลือ สอนให้ผู้เรียนรู้จักการพูดคุยกับคนแปลกหน้าเพื่อขอทาง การโทรสอบถามตำรวจจราจร หรือการแจ้งตำแหน่งปัจจุบันให้เพื่อนหรือครอบครัวได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ขับได้ แต่ต้อง “ขับเป็น” – นี่คือหัวใจของ ID Drives เราจะพามารู้จัก โรงเรียนสอนขับรถไอดีไดร์ฟเวอร์ ไม่ได้สอนให้ผู้เรียนจำแค่กฎจราจร แต่สอนให้เข้าใจ “สถานการณ์จริง” ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน เพราะในชีวิตจริง ไม่มีครูคอยกระซิบข้างหูว่า “ตรงนี้ต้องเลี้ยวแล้วนะ” หรือ “ระวังทางลัดข้างหน้า” สิ่งที่คุณจะได้รับจาก ID Drives คือ ความมั่นใจ ที่จะขับรถในทุกสภาพแวดล้อม และพร้อมเผชิญกับความไม่แน่นอนบนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นการหลงทาง รถติดหนัก หรือแม้แต่เหตุฉุกเฉิน ​​​ ทำไมต้องเลือกโรงเรียนสอนขับรถไอดีไดร์ฟเวอร์? หลักสูตรครอบคลุมสถานการณ์จริง มากกว่าที่คุณคิด ครูฝึกมากประสบการณ์ เป็นกันเอง เข้าใจมือใหม่ มีรอบเรียนยืดหยุ่นทั้งวันธรรมดาและวันหยุด รถเรียนใหม่ สะอาด ปลอดภัย พร้อมระบบเบรกสองทาง   สรุป หากคุณเคยกลัวการขับรถในเมืองใหญ่ หรือเคยหลงทางแล้วรู้สึกท้อ การเรียนขับรถกับ โรงเรียนสอนขับรถไอดีไดร์ฟเวอร์ คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนจากคนที่ไม่มั่นใจ กลายเป็นคนขับรถที่พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ไม่ใช่แค่ขับได้ แต่ “ขับเป็น” อย่างแท้จริง สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า) โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377 อีเมล : contact@iddrives.co.th

66 30 ก.ค. 2568, 17:57

ID Drives ชวนรู้ : วันอาสาฬหบูชา-วันออกพรรษา ความสำคัญทางพุทธศาสนาและการขับเคลื่อนชีวิตอย่างมีสติ

ในฐานะพุทธศาสนิกชนชาวไทย เราต่างคุ้นเคยกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาอย่าง วันอาสาฬหบูชา และ วันออกพรรษา ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงวันหยุดราชการ แต่ยังแฝงไว้ด้วยประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ หลักธรรมคำสอน และแนวทางการปฏิบัติตนที่จะนำพาชีวิต ไปสู่ความสงบและสติปัญญา เช่นเดียวกับการขับขี่อย่างปลอดภัย ที่ต้อง อาศัยสติและปัญญาตลอดเส้นทาง ID Driver ภายใต้การดูแลโรงเรียนสอน ขับรถ ID Drives ที่เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยและสติ จะพาคุณ ไปเจาะลึกความหมายของสองวันนี้ พร้อมน้อมนำหลักธรรมมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน   ประวัติและความสำคัญ: หัวใจของพุทธศาสนาในสองวันสำคัญ วันอาสาฬหบูชา: ที่มา: ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (อาสาฬหบูชา แปลว่า การบูชาในเดือน 8) เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรง แสดงปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรก คือ "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" แก่ปัญจวัคคีย์ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ความสำคัญ: ถือเป็นวันแรกที่เกิดเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนาครบองค์ 3 หรือที่เรียกว่า "วันพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในโลก" ได้แก่ 1. พระพุทธ: การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า 2. พระธรรม: การแสดงธรรมะเป็นครั้งแรก คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 3. พระสงฆ์: การมีพระสงฆ์องค์แรก คือ พระอัญญาโกณฑัญญะ ที่ได้ดวงตาเห็นธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุ     รูปแรก   (อ้างอิง: สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.) วันออกพรรษา: ที่มา: ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันที่พระสงฆ์สิ้นสุดการจำพรรษาตลอด 3 เดือน (เข้าพรรษา) ในช่วง ฤดูฝน ความสำคัญ: 1. พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก: เป็นวันที่เชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจาก     เสด็จไปโปรดพุทธมารดาในช่วงเข้าพรรษา 2. เปิดโอกาสให้พระสงฆ์ว่ากล่าวตักเตือนกัน (มหาปวารณา): ในวันออกพรรษา พระสงฆ์ทุกรูปจะมารวมกัน     และเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและธำรงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์     ของพระธรรมวินัย 3.จุดเริ่มต้นของประเพณีทอดกฐิน: หลังวันออกพรรษา 1 วัน พุทธศาสนิกชนจะสามารถเริ่มพิธีทอดกฐินได้     ซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญในการถวายผ้ากฐินและเครื่องปัจจัยแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาครบไตรมาส     (อ้างอิง: กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม.)   หลักธรรมที่เกี่ยวข้อง: สติและปัญญาเพื่อชีวิตและการขับขี่ที่ปลอดภัย จากวันอาสาฬหบูชา (ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร): อริยสัจ 4: หลักธรรมที่เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ประกอบด้วย: 1. ทุกข์: สภาพที่ทนได้ยาก ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ (เช่น ความเครียดในการขับรถ, อุบัติเหตุ) 2. สมุทัย: เหตุแห่งทุกข์ (เช่น ขับรถเร็วเกินไป, ประมาท, ไม่เช็คสภาพรถ) 3. นิโรธ: ความดับทุกข์ (เช่น การขับขี่อย่างระมัดระวัง, มีสติ, ปฏิบัติตามกฎจราจร) 4. มรรค: ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ (เช่น การฝึกฝนตนเองให้มีสติขณะขับขี่, การเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้อง) ข้อคิดสู่การขับขี่: การขับรถก็เหมือนการเผชิญหน้ากับ "ทุกข์" บนท้องถนน หากเราเข้าใจ "เหตุ" ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ เราก็จะหา "ทางดับทุกข์" ด้วยการฝึกฝน "มรรค" คือการขับขี่อย่างมีสติ รอบคอบ ไม่ประมาท และปฏิบัติตามกฎจราจร อย่างเคร่งครัด ​​​​​​​มัชฌิมาปฏิปทา (ทางสายกลาง): ไม่ตึงไป ไม่หย่อนไป การขับรถก็เช่นกัน ไม่ควรขับเร็วเกินไปจนขาดสติ  หรือช้าเกินไปจนเป็นอุปสรรคต่อผู้อื่น ควรขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสมกับสภาพถนนและกฎหมาย จากวันออกพรรษา (การปวารณา): ​​​​​​​การให้อภัยและการยอมรับฟัง: พระสงฆ์เปิดโอกาสให้ตักเตือนกันด้วยความหวังดี แสดงถึงการละอัตตา ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น เพื่อการพัฒนาตนเอง ข้อคิดสู่การขับขี่: ในการขับขี่ เราควรมีจิตใจที่พร้อมให้อภัย ไม่ใจร้อน ไม่ถือโทษโกรธเคืองเมื่อเกิดเหตุ ไม่พึงประสงค์บนถนน และรู้จักยอมรับความผิดพลาดของตนเองเพื่อแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น นี่คือพื้นฐานของ "มารยาทในการขับขี่" ที่ ID Driver เน้นย้ำเสมอ ​​​ การปฏิบัติตน: สู่การเป็นพุทธศาสนิกชนและนักขับที่ดี ในวันอาสาฬหบูชาและวันออกพรรษา: ทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรม: เข้าวัด ทำบุญ ตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ และฟังพระธรรมเทศนา เพื่อขัดเกลาจิตใจ รักษาศีล 5: ตั้งใจรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัดในวันสำคัญนี้ เพื่อเป็นพื้นฐานของการทำความดี เวียนเทียน: ในช่วงเย็นของวันอาสาฬหบูชา พุทธศาสนิกชนจะร่วมกันเวียนเทียนรอบพระอุโบสถ เพื่อระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย งดเว้นอบายมุข: งดดื่มสุรา สิ่งมึนเมา และการพนัน เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของกาย วาจา ใจ เจริญภาวนา: สวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญสติ เพื่อให้จิตใจสงบและเกิดปัญญา   สู่การขับขี่อย่างมีสติในชีวิตประจำวัน (จาก ID Driver): มีสติทุกขณะ: การขับรถเปรียบเสมือนการเดินจงกรมบนท้องถนน ต้องมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ ไม่วอกแวก ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ ไม่ประมาท: ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทางเสมอ (ยาง, เบรก, ไฟส่องสว่าง) ปฏิบัติตามกฎจราจร อย่างเคร่งครัด และไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด มีน้ำใจและให้อภัย: เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เพื่อนร่วมทาง ไม่ขับรถปาดหน้า ไม่บีบแตรไล่ และพร้อมให้อภัย เมื่อผู้อื่นทำผิดพลาดโดยไม่เจตนา ควบคุมอารมณ์: ไม่ขับรถด้วยความโมโห เกรี้ยวกราด เพราะอารมณ์เหล่านี้จะบดบังปัญญาและนำไป สู่อุบัติเหตุได้ง่าย เรียนรู้และพัฒนา: หมั่นเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ที่ถูกต้องและปลอดภัย อัปเดตกฎจราจรอยู่เสมอ และ พิจารณาเข้ารับการอบรมเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาทักษะ (เช่น หลักสูตรการขับขี่เชิงป้องกัน) ​​​​​​​ID Driver: โรงเรียนสอนขับรถที่ปลูกฝังทั้งทักษะและคุณธรรม           ID Driver เราไม่ได้สอนแค่ให้คุณสอบผ่าน ใบขับขี่รถยนต์  ใบขับขี่รถบรรทุก (อายุ 18 ปีขึ้นไป) หรือ ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ (อายุ 15 ปีขึ้นไป) เท่านั้น แต่เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างนักขับที่มีคุณภาพ มีสติปัญญา และความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เหมือนกับหลักธรรม คำสอนในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่จะนำทาง ​​​​​​​ชีวิตและทุกการเดินทางของคุณให้ปลอดภัย เราพร้อมให้บริการในจังหวัด ขอนแก่น, มหาสารคาม, ปทุมธานี, สระบุรี และทั่ว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาเรียนรู้การขับขี่อย่างปลอดภัยและมีสติ กับ ID Driver วันนี้! ​​​​​​​สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ: Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า) โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377 อีเมล : contact@iddrives.co.th         ​​​​​​​​​​​​​​    

60 29 ก.ค. 2568, 03:40


Scroll to Top