สวัสดีครับ ไอดีไดร์ฟ จะมาพูดถึงเรื่องกฎจราจร เคยไหมที่คุณเห็นคนฝ่าไฟแดง ขับรถย้อนศร หรือไม่หยุดให้คนข้ามถนน? สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงคือ...พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นต้นเหตุของการสูญเสียชีวิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เคารพกฎ = เคารพตัวเอง
การปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น การขับไม่เร็วเกินกำหนด หรือการไม่เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ เป็นการแสดงถึงความห่วงใยในชีวิตของตนเอง เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และไม่มีใครอยากให้ตัวเองกลายเป็นเหยื่อ
เคารพกฎ = เคารพผู้อื่น
บนถนนเราไม่ได้อยู่คนเดียว
หากเราหยุดให้คนข้ามถนน หรือขับรถอย่างระมัดระวัง เราก็กำลังปกป้องชีวิตของคนอื่นที่อยู่รอบข้าง ทั้งคนเดินเท้า เด็ก คนชรา หรือผู้โดยสารที่นั่งมาในรถด้วย
เมื่อไม่เคารพกฎ ผลที่ตามมาคืออะไร?
อุบัติเหตุที่อาจถึงขั้นเสียชีวิต
บาดแผลทางร่างกายและจิตใจ
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ภาระของครอบครัวและสังคม
ความเปลี่ยนแปลงเริ่มที่เรา
การสร้างถนนที่ปลอดภัย เริ่มจากพฤติกรรมของผู้ใช้ถนน หากเราทุกคนช่วยกันเคารพกฎจราจร ไม่ทำผิดแม้เพียงเล็กน้อย สังคมไทยจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุน้อยลง และถนนก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนไว้ใจได้
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
113
12 มิ.ย. 2568, 02:35
อุปกรณ์ควรมีติดรถยนต์ที่ ไอดี ไดร์ฟ แนะนำเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรือเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน การมีอุปกรณ์พื้นฐานติดรถไว้สามารถช่วยให้คุณรับมือได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย นี่คืออุปกรณ์ที่ไม่ควรขาด:
1 แม่แรงและประแจปอนด์
แม่แรง ใช้ในการยกรถขึ้นเพื่อเปลี่ยนยาง
ประแจปอนด์ ใช้ในการถอดและขันน็อตล้อ
2 สายพ่วงแบตเตอรี่
เมื่อแบตเตอรี่หมดหรือรถสตาร์ทไม่ติด การมี สายพ่วง จะช่วยให้สามารถขอพ่วงแบตจากรถคันอื่นได้
3 ชุดปฐมพยาบาล
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย การมี ชุดปฐมพยาบาล จะช่วยในการดูแลเบื้องต้น
4 สเปรย์ยางรั่ว
สเปรย์ยางสามารถช่วยอุดรูยางชั่วคราวได้เมื่อล้อรั่ว ไม่ต้องเปลี่ยนยางทันที
5 ไฟฉายและเครื่องมือฉุกเฉิน
ไฟฉายจะเป็นสิ่งสำคัญหากเกิดเหตุในเวลากลางคืนหรือสภาพแสงน้อย
การเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับความปลอดภัยของผู้ขับขี่ แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
129
12 มิ.ย. 2568, 10:23
ไอดี ไดร์ฟคิดว่าการขับรถขึ้นเขาอาจฟังดูน่ากลัวสำหรับมือใหม่ เพราะต้องเจอกับทางชัน โค้งหักศอก และแรงกดดันจากรถคันหลัง แต่ถ้าคุณเข้าใจหลักการและเตรียมตัวให้ดี การขับรถขึ้นเขาก็ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ
เตรียมตัวก่อนขึ้นเขา
ตรวจสภาพรถ: ยาง เบรก น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น ต้องพร้อมใช้งาน
เช็กเกียร์: รถเกียร์ธรรมดา – ตรวจคลัตช์ / รถออโต้ – รู้ตำแหน่งเกียร์ L หรือ S
พักผ่อนให้เพียงพอ: อย่าขับรถขึ้นเขาในขณะง่วงนอน เพราะต้องใช้สมาธิสูง
เทคนิคการขับขึ้นเขา
สำหรับรถเกียร์ธรรมดา:
ใช้ เกียร์ต่ำ (เกียร์ 1 หรือ 2) เพื่อให้แรงบิดสูง
เลือกจังหวะเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่อง
หากต้องหยุดกลางทาง ใช้ เบรกมือ + คลัตช์ ช่วยออกตัว ไม่ให้รถไหล
สำหรับรถเกียร์ออโต้:
เปลี่ยนมาใช้โหมด L หรือ S (หากมี Paddle Shift ใช้ได้)
ไม่เหยียบคันเร่งแรงจนเครื่องลากรอบเกินไป
ใช้เบรกมือถ้าต้องหยุดรถบนทางชัน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ห้ามเหยียบเบรกค้างตอนลงเขา: เบรกอาจไหม้ได้ ควรใช้เกียร์ต่ำช่วยหน่วงความเร็ว
อย่าเร่งแซงบนโค้ง: อันตรายมาก! รอจังหวะทางตรงเท่านั้น
ระวังโค้งอับสายตา: ลดความเร็ว เตรียมพร้อมเบรก
สรุปสำหรับมือใหม่
"ขับขึ้นเขาไม่ยาก ถ้ารู้จังหวะ ควบคุมรถอย่างมั่นใจ และไม่รีบร้อน"
ขับช้าแต่ชัวร์ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าค่ะ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
111
12 มิ.ย. 2568, 14:39
ไอดี ไดร์ฟ เชื่อว่าการขับรถบนถนนสาธารณะ ไม่ใช่แค่เรื่องของความเร็ว แต่ยังเกี่ยวกับ “ความปลอดภัย” ของทุกคนที่ใช้ถนนร่วมกัน หนึ่งในพฤติกรรมที่คนมักมองข้ามคือ การรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้าและคันของเรา ทั้งที่นี่คือเรื่องพื้นฐานที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ระยะห่าง = เวลาตอบสนอง
ทุกครั้งที่เกิดเหตุไม่คาดคิด เช่น
รถคันหน้าหยุดกะทันหัน
คนหรือสัตว์ตัดหน้า
ถนนลื่นหรือมีสิ่งกีดขวาง
คุณต้องใช้เวลา “คิด” และ “ตัดสินใจ” ก่อนที่จะเหยียบเบรก ซึ่งกระบวนการนี้ใช้เวลาราวๆ 1–1.5 วินาที
หากคุณขับจี้คันหน้าเกินไป ระยะเบรกอาจไม่พอ ทำให้เกิดการชนแม้คุณจะเหยียบเบรกทัน
หลัก 3 วินาที (Three-Second Rule)
กฎง่ายๆ ที่แนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยคือ "เว้นระยะห่างจากคันหน้าอย่างน้อย 3 วินาที" วิธีคือ:
เลือกวัตถุข้างทาง เช่น ป้ายไฟหรือเสาไฟ
นับ "หนึ่งพันหนึ่ง... หนึ่งพันสอง... หนึ่งพันสาม" หลังจากรถคันหน้าเคลื่อนผ่าน
รถของคุณไม่ควรผ่านวัตถุนั้นจนกว่าจะนับครบ 3 วินาที
ถ้าขับกลางคืน, ฝนตก หรือถนนลื่น ควรเพิ่มเป็น 4–6 วินาที
ตัวอย่างอุบัติเหตุที่พบบ่อยจากการไม่เว้นระยะ
รถติดๆ กันแล้วคันหน้าเบรกกะทันหัน → ชนท้ายเป็นพวง (โดมิโน)
รถพ่วงจอดกระทันหัน แต่คันหลังไม่มีเวลาหยุด → ชนเสียชีวิต
บางกรณีคนขับหลับในหรือใช้มือถือ → ไม่มีการเบรกเลยก่อนชน
เว้นระยะ ไม่ได้แปลว่า “ขับช้า” หรือ “ไม่รีบ”
หลายคนเข้าใจผิดว่าการเว้นระยะคือขับช้าเกินไป จนกลัวถูกแทรก แต่ความจริงแล้วคุณยังสามารถขับในความเร็วปกติได้
เพียงแค่มีพื้นที่พอให้เบรกและหลบหลีกได้หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
สรุป
การเว้นระยะห่าง คือการ “ให้เวลา” กับตัวเองในการตัดสินใจ และยังเป็นการให้ “พื้นที่ความปลอดภัย” กับทุกคนบนท้องถนน ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ป้องกันการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
"ถ้าคุณเว้นระยะมากพอ อุบัติเหตุส่วนใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องเกิด"
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
153
12 มิ.ย. 2568, 10:45
ในช่วงที่ผ่านมา ไอดี ไดร์ฟ เห็นราคาน้ำมันขึ้นเอาขึ้นเอา การขับรถอย่างประหยัดไม่ใช่แค่ช่วยเซฟเงินในกระเป๋า แต่ยังช่วยลดการปล่อยคาร์บอนด้วย นี่คือ 5 นิสัยง่าย ๆ ที่ควรเริ่มฝึกตั้งแต่วันนี้:
1. ขับรถด้วยความเร็วคงที่
การเหยียบคันเร่งแล้วเบรกบ่อย ๆ จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันกว่าปกติ ควรรักษาความเร็วให้คงที่ โดยเฉพาะในการขับทางไกล เช่น ขับไม่เกิน 90-100 กม./ชม. บนถนนหลวง
2. หลีกเลี่ยงการเร่งเครื่องแรง
การเร่งเครื่องแบบกระทันหันใช้น้ำมันมากกว่าการเร่งค่อย ๆ อย่างน้อยพยายามใช้เท้าเหยียบคันเร่งแบบนุ่มนวลที่สุด
3. วางแผนเส้นทางก่อนออกเดินทาง
หลีกเลี่ยงเส้นทางที่รถติด หรือทางที่ต้องหยุดสตาร์ทรถบ่อย ๆ ช่วยลดเวลาเดินทางและลดการใช้น้ำมันโดยไม่จำเป็น
4. เช็กลมยางอยู่เสมอ
ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานจะเพิ่มแรงต้านในการหมุน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักและกินน้ำมันมากขึ้น ควรตรวจเช็กลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง
5. ไม่บรรทุกของเกินความจำเป็น
ของหนักๆ ในรถคือภาระที่กินน้ำมันเพิ่มโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่จำเป็นควรนำออกจากรถให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้
แม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่เมื่อทำสม่ำเสมอ จะเห็นผลได้จริงในระยะยาว
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
139
11 มิ.ย. 2568, 20:24