บทความและความรู้


11 วิธีเก็บเงินให้อยู่ แบบฉบับคนชอบใช้เงิน ได้ผลจริง

11 วิธีเก็บเงินให้อยู่ แบบฉบับคนชอบใช้เงิน ได้ผลจริง   การวางแผนการเงินเบื้องต้น เพื่อความมั่นคงในอนาคต             ขั้นตอนการวางแผนการเงินเบื้องต้นเพื่อความมั่นคงในอนาคตหรือเรียกง่าย ๆ คือ วิธีเก็บเงินให้อยู่ ควรจะเริ่มตั้งแต่การการกำหนดเป้าหมายทางการเงินให้ชัดเจนเพื่อให้มีแรงพลักดันในการออมเงิน โดยการสร้างงบประมาณค่าใช้จ่ายให้ชัดเจนเพื่อควบคุมการใช้เงินฟุ่มเฟือย และตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้ได้มากที่สุด   การวางแผนที่ดีจะประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 3 อย่างดังนี้ การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย             การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายมีประโยชน์หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับนิสัยการใช้จ่าย คุณจะรู้ว่าเงินของคุณไปไหน ทำให้เราเห็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถวางแผนการใช้เงินในแต่ละเดือนได้รัดกุม และการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ได้อีกด้วย       2. การวางแผนการเงินตามเป้าหมายชีวิต                     การวางแผนการเงินตามเป้าหมายชีวิตเป็นการเพิ่มแรงผลักดันในการเก็บเงินให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายระยะสั้น หรือว่าระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น การเก็บเงินสำหรับการศึกษา การเก็บเงินเพื่อแต่งงาน การเก็บเงินไว้ใช้ยาวเกษียณ เป็นต้น โดยเราอาจจะแบ่งแยกเงินเก็บออกเป็นส่วน ๆ เพื่อที่จะทำให้การเก็บเงินสามารถทำได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่สามารถจัดสรรได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล      3. การเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน                     สถานการณ์ฉุกเฉินหรือการเกิดเหตุไม่คาดฝันเป็นสิ่งที่ใครหลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้นในชีวิต แต่เนื่องจากว่าชีวิตคนเรามักไม่แน่นอน การเก็บเงินสำรองฉุกเฉินเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรที่จะมีเงินสำรองฉุกเฉินเตรียมไว้ประมาณ 6 เท่า จากระดับค่าใช้จ่ายตามปกติในแต่ละเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถผ่านช่วงเวลายากลำบากเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันได้ แนะนำวิธีเก็บเงินให้อยู่ฉบับคนใช้เงินเก่ง 1 .เก็บก่อนใช้             หลายคนที่หลังจากเงินเดือนออกก็มักที่จะนำไปซื้อของที่อยากได้ทันที การใช้ชีวิตแบบนี้มันมีความเสี่ยงที่มากจนเกินไป มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้เงินไม่พอใช้จนทำให้ต้องเกิดการกู้ยืมในอนาคต             ดังนั้น วิธีเก็บเงินให้อยู่วิธีแรกเราจึงอยากแนะนำว่าเวลาที่อยากได้อะไรให้ทำการเก็บเงินเพื่อที่จะไปซื้อ มันจะเป็นการใช้เงินที่เหลือจากการใช้จ่ายปกติ และยังเป็นการประวิงเวลาจนอาจจะทำให้ไม่ได้อยากได้ของชิ้นนั้นแล้ว ซึ่งเงินที่เก็บมาก็จะกลายเป็นเงินเก็บต่อไปอีกด้วย 2.เปิดบัญชีฝากประจำ             การเปิดบัญชีฝากประจำเป็นหนึ่งในวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เนื่องจากเป็นการออมเงินที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ธรรมดา แต่ก็ไม่เสี่ยงเหมือนกับกองทุนรวม ซึ่งเราก็สามารถเลือกได้ระหว่างบัญชีเงินฝากประจำแบบฝากเงินเพียงครั้งเดียว และบัญชีเงินฝากประจำแบบฝากเงินทุกเดือน ช้อปไปเท่าไหร่ออมคืนเท่านั้น 3.ช้อปไปเท่าไหร่ออมคืนเท่านั้น เป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่เหมาะสำหรับคนที่มีรายรับในระดับที่พอสมควร เนื่องจากเราต้องเก็บเงินมากกว่าปกติถึง 2 เท่า ถึงจะทำการซื้อของที่อยากได้ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับวิธีเก็บเงินให้อยู่ 4. เก็บเหรียญหรือแบงค์ที่ชอบ     การเก็บเหรียญหรือแบงค์ที่ชอบเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ได้รับความนิยมมาก สามารถที่จะทำได้ทุกวัย โดยส่วนมากจะเป็นการเก็บแบงค์ที่เจอได้ยาก อย่างเช่นแบงค์ 10 บาท หรือ 50 บาท เป็นต้น และการเก็บเหรียญบางรุ่นเอาไว้ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในตลาดประมูลนักสะสมเหรียญ และเป็นอีกวิธีเก็บเงินให้อยู่ได้ดีอีกด้วย 5. เก็บเงินตามวันที่     การเก็บเงินตามวันที่เป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบ และความสม่ำเสมอสูง แต่ก็สามารถการันตีจำนวนเงินเก็บในแต่ละเดือนได้ดี โดยเราจะเก็บเงินเท่ากับจำนวนวันที่ไปเรื่อย ๆ จนจบเดือน หากใครที่มีกำลังมากหน่อยก็อาจจะเพิ่มจำนวนเงินเป็น 2 หรือ 3 เท่าจากปกติก็ได้ 6.เลิกนิสัยโอนเงินไว      การเว้นระยะเวลาคิดให้รอบคอบถึงความจำเป็นก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออะไร จะทำให้เราตระหนักถึงความจำเป็นในการซื้อของชิ้นนั้น ๆ และเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่มากขึ้น ทำให้มีความอยากได้ลดลง หากเปลี่ยนใจเป็นไม่ซื้อก็เท่ากับว่าเราจะมีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้น 7.เงินเหลือหยอดกระปุก      หลายคนที่แบ่งเงินในในแต่ละวันอย่างชัดเจน การเก็บเงินเหลือไปหยอดกระปุกจะเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ช่วยควบคุมให้เราไม่ใช้เงินเกินกว่าที่ทำหนด นอกจากจะทำให้มีเงินเก็บเพิ่มขึ้นได้ ยังเป็นการสร้างวินัยให้ตัวเองได้อีกด้วย 8. บันทึกรายรับ-รายจ่าย      การทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายส่วนตัวในแต่ละวันเป็นอีกหนึ่งวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่จะทำให้เราเห็นนิสัยการใช้เงินของตัวเอง เห็นว่าเงินใช้จ่ายไปกับอะไรที่ไม่จำเป็นบ้าง หากเราตัดส่วนนั้นออกไป หรือปรับให้น้อยลงได้ ก็จะทำให้มีเงินเก็บเพิ่มมากขึ้น แต่เป็นที่น่าเสียดายที่มีคนไทยจำนวนเพีงแค่ 2-3% เท่านั้นเองที่ทำบันทึกรายรับ-รายจ่ายรายวัน 9. งดอาหารหรือสิ่งฟุ่มเฟือยประจำวัน             การลดหรืองดสิ่งที่เป็นเรื่องฟุ่มเฟือยประจำวันได้เป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ดีเลยเพราะสามารถทำให้เรามีเงินเก็บมากขึ้นได้อย่างแน่นอน อย่างเช่นการงดเหล้า งดบุหรี่ เป็นต้น  แต่สำหรับการงดอาหารเราก็อาจจะเลือกแค่บางมื้อ หรือปรับพฤติกรรมการกินให้น้อยลง หรือเลือกอาหารที่ราคาถูกลง อาจจะปรับโดยการทำ IF แล้วกินอาหารแค่ 2 มื้อ นอกจากจะเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่แล้วเรายังจะมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย 10. ใส่กระปุกที่เปิดไม่ได้             การเลือกใช้กระปุกแบบที่เปิดไม่ได้จะเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่บังคับให้เราไม่นำเงินเก็บออกมาใช้เพราะจะต้องทุบกระปุกทิ้ง เป็นการบังคับตัวเองให้เก็บเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ และเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ได้รับความนิยมมากอีกด้วย 11. เก็บจากเศษเงินเดือน             การเก็บเงินจากเศษเงินเดือนหลักร้อยเป็นวิธีเก็บเงินให้อยู่ที่ทำได้ง่าย โดยปกติเงินเดือนของเราจะมีเศษอยู่แล้วหลังจากหักเงินกองทุนประกันสังคม หากเราเก็บเงินจากเศษตรงนี้อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินเก็บได้เป็นจำนวนมากต่อปี   ขอขอบคุณข้อมูล : scbprotect

312 21 พ.ย. 2567, 08:16

6 ขั้นตอนปรับท่านั่งขับรถ ให้สบาย และปลอดภัยที่สุด

6 ขั้นตอนปรับท่านั่งขับรถ ให้สบาย และปลอดภัยที่สุด   ท่านั่งขับรถที่ถูกต้อง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะลดอาการเมื่อยล้าขณะขับขี่แล้ว ยังช่วยให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ดีที่สุดเมื่อเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ที่ต้องการการตอบสนองอย่างรวดเร็ว วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด จะมาแนะนำ ลองมาดูกันว่าการปรับท่านั่งขับรถให้ถูกต้อง มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง   นั่งให้ชิดเต็มเบาะ เริ่มต้นจากขยับแผ่นหลัง สะโพก และต้นขา ให้ชิดเบาะด้านในมากที่สุด เพื่อให้เบาะโอบรับสรีระร่างกายทุกส่วน ช่วยลดอาการเมื่อยล้า และสร้างความมั่นคงในขณะขับขี่ การนั่งไม่เต็มเบาะ จะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยหลัง   ปรับความสูงเบาะให้เหมาะสม ปรับความสูงของเบาะ ให้เหลือระยะห่างระหว่างศีรษะ กับเพดานรถเท่ากับหนึ่งกำปั้น หรือความกว้างของฝ่ามือ เพื่อให้มีทัศนวิสัยการขับขี่ที่เหมาะสม พร้อมกับยกปลายเบาะให้เงยขึ้นเล็กน้อย การปรับเบาะเตี้ยหรือสูงเกินไป จะทำให้ทัศนวิสัยแย่ และควบคุมรถลำบาก   ปรับระยะห่างเบาะให้พอดี ปรับระยะเบาะให้เข่ามีมุมงอ เมื่อเหยียบเบรกจนสุด เพื่อให้สามารถเหยียบเบรก และคันเร่งได้เต็มที่ ช่วยลดการบาดเจ็บ หากเกิดการชนจากด้านหน้า อย่าปรับเบาะไกลเกินไป จนขาตึง เพราะทำให้เหยียบเบรกไม่ถนัด และทำให้บาดเจ็บหนักจากการชน   ปรับพนักพิงให้เอนเล็กน้อย พนักพิงควรเอนเพียงเล็กน้อย ประมาณ 110 องศา เพื่อให้มีระยะห่างจากพวงมาลัยที่เหมาะสม ช่วยให้ควบคุมรถได้ง่าย การเอนตัวขับ นอกจากจะควบคุมรถได้ไม่ดีแล้ว ยังทำให้เมื่อยหลังโดยไม่รู้ตัว และเกิดความเครียดจากการต้องเพ่งมองทางมากกว่าปกติ   จับพวงมาลัย 3 และ 9 นาฬิกา ตำแหน่งการจับพวงมาลัยที่ดีที่สุดคือ 3 และ 9 นาฬิกา และสูงไม่เกินช่วงไหล่  เพราะทำให้สามารถหมุนพวงมาลัยได้รวดเร็วที่สุด พวงมาลัยหลุดมือยาก และลดอาการเมื่อยล้าช่วงหัวไหล่ อย่าจับพวงมาลัยมือเดียว หรือหมุนด้วยการคล้อง และคลึงโดยเด็ดขาด เพราะพวงมาลัยอาจหลุดมือ และเสียการควบคุมรถได้   แขนงอขณะจับพวงมาลัย เมื่อปรับระยะห่าง และพนักพิงตามที่แนะนำแล้ว วิธีตรวจสอบระยะที่ถูกต้องคือ ลองเอาแขนเหยียดตรง แล้วพาดที่ด้านบนของพวงมาลัย ระยะที่ถูกต้องคือข้อมือต้องวางบนพวงมาลัยได้พอดี โดยที่ตัวยังแนบกับเบาะ ถ้ายังไม่พอดี ให้ปรับพวงมาลัยเข้า/ออก จนได้ระยะที่ต้องการ เมื่อลดมือลงมาจับที่ตำแหน่งจริง แขนจะเหลือมุมงอที่เหมาะสม ทำให้ควบคุมพวงมาลัยได้ดี การปรับท่านั่งตามที่แนะนำไปทั้งหมด จะทำให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้ง่ายขึ้นในทุกสถานการณ์ ช่วยลดอาการเมื่อยล้าตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ส่งผลให้ความเครียดในขณะขับขี่ลดลงอีกด้วย สำหรับบางคน อาจรู้สึกไม่ถนัดเมื่อเริ่มทำในครั้งแรก แต่หลังจากที่ปรับตัวได้ จะพบว่า ท่านั่งที่ถูกต้อง ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีมาก   ขอบคุณข้อมูลจาก : motorexpo  

332 21 พ.ย. 2567, 10:34

วันวาเลนไทน์ 2567 ทำไมตรงกับ 14 กุมภาพันธ์

วันวาเลนไทน์ 2567 ทำไมตรงกับ 14 กุมภาพันธ์ 'วันวาเลนไทน์ 2567' (Valentine's Day) หรือ วันแห่งความรัก ถูกตั้งชื่อตามนักบุญวาเลนไทน์ นักบวชคาทอลิกที่อาศัยอยู่ในกรุงโรมในช่วงศตวรรษที่ 3 จะตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี 'วันวาเลนไทน์' มีการเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก ส่วนใหญ่เป็นประเทศทางตะวันตก แม้จะยังเป็นวันทำงานในทุกประเทศเหล่านั้นก็ตาม 'วันวาเลนไทน์' หรือเรียกอีกอย่างว่า 'วันนักบุญวาเลนไทน์' แต่เดิมเป็นเพียงวันฉลองนักบุญในศาสนาคริสต์ยุคแรกหนึ่งหรือสองคนชื่อ วาเลนตินัส ความหมายโรแมนติก มีการกำหนด วันวาเลนไทน์ ขึ้นครั้งแรกโดย สมเด็จพระสันตะปาปาเกลาซิอุสที่ 1 ใน ค.ศ. 496 ก่อนที่สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 จะให้ตัดออกจากปฏิทินโรมันทั่วไป (General Roman Calendar) ในปี ค.ศ. 1969 'วันวาเลนไทน์' เกิดขึ้นเพื่อระลึกถึง นักบุญวาเลนไทน์ ผู้รับโทษประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 เพราะในยุคนั้นมีกฎหมายห้ามไม่ให้มีการแต่งงานของพวกคริสเตียน แต่เซนต์วาเลนไทน์ยังแอบจัดงานแต่งงานให้กับคู่รักคริสเตียนจนถูกจับขังและรับโทษ โดยในขณะที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็พบรักกับสาวตาบอดซึ่งเป็นลูกสาวของผู้คุม ด้วยความรักและคำอธิษฐานของเขา พระเจ้าได้ทรงโปรดให้ตาของสาวคนรักหายเป็นปกติ แต่เมื่อความนี้ล่วงรู้ถึงหูกษัตริย์ เซนต์วาเลนไทน์จึงถูกประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ต่อมาเมื่อคนทั่วไปทราบเรื่องราวจึงเกิดความประทับใจและยึดถือเอาวันที่ 14 ก.พ. ของทุกปีเป็น วันแห่งความรัก นั่นเอง   'วันวาเลนไทน์' มาข้องเกี่ยวกับรักแบบโรแมนติกเป็นครั้งแรกในแวดวงสังคมของ เจฟฟรีย์ ชอเซอร์ สมัยกลางยุครุ่งโรจน์ เมื่อประเพณีรักเทิดทูน เฟื่องฟู จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 วันวาเลนไทน์ได้วิวัฒนา มาเป็นโอกาสซึ่งคู่รักจะแสดงความรักของพวกเขาแก่กันโดยให้ดอกไม้ ขนมหรือลูกกวาด และส่งการ์ดอวยพรกันในภายหลังประเพณีการแสดงออกความรักไม่ได้เป็นที่นิยมเพียงแค่ทางฝั่งตะวันตกหากแต่มีการแพร่กระจายความนิยมไปทั่วโลก โดยคนส่วนใหญ่ถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันแห่งการแสดงความรักให้กันจนถึงปัจจุบัน   สัญลักษณ์ วันวาเลนไทน์ เทพเจ้าคิวปิด ถือเป็นสัญลักษณ์ 'วันวาเลนไทน์' ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม) ชาวยุโรปเชื่อว่าเทพเจ้าองค์นี้ สามารถบันดาลให้คนตกหลุมรักกันได้ ด้วยการแผงศรประจำตัว เทพเจ้าคิวปิด จึงถูกยกย่องให้เป็น เทพเจ้าแห่งความรัก และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ มอบ ช็อกโกแลต ใน วันวาเลนไทน์ ทำไมถึงนิยมมอบ ช็อกโกแลต Chocolate ให้กัน ว่ากันว่า ในยุคโรมันที่นักบุญวาเลนไทน์เสียชีวิตนั้น ช็อกโกแลต ยังเป็นของหายาก จึงเป็นสิ่งที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ จึงส่งไปพร้อมการ์ดและดอกไม้ ซึ่งสื่อความหมายของความรักมาแต่ไหนแต่ไร และอาจจะรวมไปถึงการที่ช็อกโกแลตเคยเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพ มิตรภาพ และสันติภาพในช่วงที่สงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงด้วย   สีของ ดอกกุหลาบ สื่อความหมายอะไร ดอกกุหลาบสีแดง  หมายถึง  ฉันรักเธอ และต้องการเพียงแค่เธอ ดอกกุหลาบสีขาว หมายถึง รักของฉันคือความรักที่บริสุทธิ์ใจ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึง รักของเราคือมิตรภาพที่ดี ตลอดไป ดอกกุหลาบสีพีช (สีโอรส) หมายถึง ฉันจะรักและทะนุถนอมเธอจากใจจริง ดอกกุหลาบสีส้ม หมายถึง ฉันจะมอบความรักที่อบอุ่นหัวใจให้คุณ ดอกกุหลาบสีชมพู  หมายถึง รักของเรากำลังหวานฉ่ำ   ขอบคุณข้อมูลจาก : คมชัดลึก    

576 21 พ.ย. 2567, 10:36

คําอวยพรวันตรุษจีน 2567 ภาษาจีน พร้อมแปลไทย ความหมายดี รวยๆ เฮงๆ

     วันตรุษจีน 2567 ปีมังกรทอง มีทั้งภาษาจีน เป็นข้อความที่มีความหมายดีๆ เสริมสิริมงคลในเรื่องต่างๆ นิยมส่งมอบให้แก่กัน  เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทิน เนื้อหาที่ใช้อวยพรส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความสุข ความสำเร็จ สุขภาพ และความร่ำรวย ซึ่งในปัจจุบันการอวยพรวันตรุษจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มคนไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่คนไทยโดยทั่วไปก็ยังนิยมใช้ด้วยเช่นกัน       วันนี้ บริษัท ไอดีไดรฟ์ จำกัด รวบรวมคำอวยพร 30 คำอวยพร วันตรุษจีน 2567 ภาษาจีน พร้อมคำอ่านพินอิน (ระบบเทียบเสียงที่ถอดจากภาษาจีนมาเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ) และคำแปลภาษาไทยความหมายดีๆ เป็นมงคล ให้เลือกนำไปใช้กันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ดังนี้ 1. 新正如意 新年发财 พินอิน : xīn zhēng rúyì xīnnián fācái คำอ่าน : ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย (ภาษาจีนถิ่นแต้จิ๋ว ออกเสียงว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้") แปลว่า : ปีใหม่นี้ คิดหวังสิ่งใดขอให้สมปรารถนา มั่งคั่งร่ำรวยตลอดปี 2. 新年快乐 身体健康 พินอิน : xīnnián kuàilè shēntǐ jiànkāng คำอ่าน : ซินเหนียนไคว่เล่อ เซินถีเจี้ยนคัง แปลว่า : ขอให้มีความสุขในวันปีใหม่ สุขภาพแข็งแรงตลอดปี 3. 万事如意 心想事成 พินอิน : wànshì rúyì xīn xiǎng shì chéng คำอ่าน : ว่านซื่อหรูอี้ ซินเสี่ยงซื่อเฉิง แปลว่า : ขอให้เรื่องต่างๆ ผ่านไปอย่างราบรื่น คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา 4. 合家平安 พินอิน : héjiā píng'ān คำอ่าน : เหอเจียผิงอัน แปลว่า : ขอให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข 5. 家庭幸福 พินอิน : jiātíng xìngfú คำอ่าน : เจียถิงซิงฝู แปลว่า : ขอให้ครอบครัวมีความสุข 6. 家好运气 พินอิน : jiā hǎo yùnqì คำอ่าน : เจียห่าวยวิ่นชี่ แปลว่า : ขอให้มีแต่ความโชคดีเข้ามาในบ้าน 7. 岁岁平安 พินอิน : suì suì píng'ān คำอ่าน : ซุ่ยซุ่ยผิงอัน แปลว่า : ขอให้เป็นปีที่่สงบสุขและปลอดภัย 8. 吉祥如意 พินอิน : jíxiáng rúyì คำอ่าน : จี๋เสียงหรูอี้ แปลว่า : คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนา 9. 祝你长寿 พินอิน : zhù nǐ chángshòu คำอ่าน : จู้หนี่ฉางโส่ว แปลว่า : ขอให้มีอายุยืนยาว 10. 祝你健康 พินอิน : zhù nǐ jiànkāng คำอ่าน : จู้หนี่เจี้ยนคัง แปลว่า : ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง 11. 龙马精神 พินอิน : lóngmǎ jīngshén คำอ่าน : หลงหม่าจิงเสิน แปลว่า : ขอให้สุขภาพแข็งแรง 12. 美梦成真 พินอิน : měimèng chéng zhēn คำอ่าน : เหม่ยเมิ่งเฉิงเจิน แปลว่า : ขอให้ความฝันกลายเป็นจริง 13. 四季平安 พินอิน : sìjì píng'ān คำอ่าน : ซื่อจี้ผิงอัน แปลว่า : ขอให้ปลอดภัยตลอดปี 14. 黄金万两 พินอิน : huángjīn wàn liǎng คำอ่าน : หวงจินว่านเหลี่ยง แปลว่า : ขอให้มีเงินทองเป็นทวีคูณ 15. 一切如意 พินอิน : yīqiè rúyì คำอ่าน : อี๋เชี่ยหรูอี้ แปลว่า : ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่งที่คิดไว้ 16. 事业发展 พินอิน : shìyè fāzhǎn คำอ่าน : ซื่อเย่ฟาจ่าน แปลว่า : ขอให้กิจการพัฒนาก้าวหน้า 17. 生意兴隆 พินอิน : shēngyì xīnglóng คำอ่าน : เซิงอี้ซิงหลง แปลว่า : ขอให้กิจการรุ่งเรือง 18. 祝您生意兴隆 พินอิน : zhù nín shēngyì xīnglóng คำอ่าน : จู้หนินเซิงยี่ซิงหลง แปลว่า : ขอให้กิจการและธุรกิจของท่านเจริญรุ่งเรือง 19. 百业兴旺 พินอิน : bǎiyè xīngwàng คำอ่าน : ไป่เย่ซิงว่าง แปลว่า : ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า 20.  工作顺利 พินอิน : gōngzuò shùnlì คำอ่าน : กงจั้วซุ่นลี่ แปลว่า : ขอให้หน้าที่การงานราบรื่น 21. 事事顺利 พินอิน : shì shì shùnlì คำอ่าน : ซื่อซื่อซุ่นลี่ แปลว่า : ทำอะไรก็ขอให้ราบรื่นในทุกๆ เรื่อง 22. 月月涨工资 พินอิน : yuè yuè zhǎng gōngzī คำอ่าน : เยวี่ยเยวี่ยจั่งกงจือ แปลว่า : ขอให้เงินเดือนขึ้น 23. 祝你步步高升 พินอิน : zhù nǐ bùbùgāo shēng คำอ่าน : จู้หนินปู้ปู้เกาเซิง แปลว่า : ขอให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป 24. 事业发达 พินอิน : shìyè fādá คำอ่าน : ซื่อเย่ฟาต๋า แปลว่า : ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรือง 25. 年年有余 พินอิน : nián nián yǒuyú คำอ่าน : เหนียนเหนียนโหย่ว-อวี๋ แปลว่า : ขอให้ท่านเงินทองเหลือกินเหลือใช้ทุกปี 26. 财源广进 พินอิน : cáiyuán guǎng jìn คำอ่าน : ไฉหยวนกว่างจิ้น แปลว่า : ขอให้เงินทองไหลมาเทมา 27. 大吉大利 พินอิน : dàjí dàlì คำอ่าน : ต้าจี๋ต้าลี่ แปลว่า : ขอให้ค้าขายได้กำไรงาม 28. 日日有见财 พินอิน : rì rì yǒu jiàn cái คำอ่าน : ยื่อยื่อโหย่วเจี้ยนไฉ แปลว่า : ขอให้ร่ำรวยในทุกๆ วัน 29. 招财进宝 พินอิน : zhāo cái jìn bǎo คำอ่าน : เจาไฉ่จิ้นเป่า แปลว่า : ขอให้ทรัพย์สินเงินทองไหลเข้ามา 30. 金玉满堂  พินอิน : Jīnyù mǎntáng คำอ่าน : จินอวี้หม่านถัง แปลว่า : ขอให้ร่ำรวย เงินทองเต็มบ้าน จะเห็นได้ว่า คําอวยพรวันตรุษจีน 2567 ภาษาจีนบางข้อความ ก็มักนิยมนำมาใช้เป็นอักษรมงคลติดตามประตูบ้านหรือสถานที่ต่างๆ สืบเนื่องมาจากตัวอักษรเหล่านี้มีความหมายดีๆ ที่มีความเป็นสิริมงคลแฝงอยู่นั่นเองค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : thairath ขอบคุณภาพภาพจาก :ศาลเจ้าปึงเถ่ากง-ม่า ขอนแก่น

602 21 พ.ย. 2567, 10:21

วันตรุษจีน 2567 ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน

วันตรุษจีน 2567 ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน         วันตรุษจีน 2567 ตรงกับวันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน มีการเฉลิมฉลองกันเป็นเวลา 15 วัน โดยวันแรกเรียกว่า "วันจ่าย" เป็นวันที่คนในครอบครัวออกไปจับจ่ายซื้อของสำหรับไหว้บรรพบุรุษและเฉลิมฉลองปีใหม่ วันรุ่งขึ้นเรียกว่า "วันไหว้" เป็นวันไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าต่างๆ วันสุดท้ายเรียกว่า "วันเที่ยว" เป็นวันที่คนในครอบครัวไปเยี่ยมญาติมิตรและเฉลิมฉลองปีใหม่กัน          ในช่วง "วันตรุษจีน" จะมีการทำความสะอาดบ้านเรือนผ่านปีใหม่อย่างสะอาดสดใส ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ต่างเต็มไปด้วยผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้แก่เด็กๆ ซื้อของขวัญให้แก่ญาติสนิทมิตรสหาย ซื้อบัตรอวยพรในโอกาสมงคล ในตลาดคราคล่ำไปด้วยผู้คน ที่มาซื้อปลา เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ ฯลฯ  ทุกคนต่างดูแจ่มใสมีความสุข เด็กๆ สวมเสื้อใหม่ ทานลูกกวาด ขนมหวาน เล่นพลุประทัด อย่างรื่นเริง วันนี้บริษัท  ไอดีไดรฟ์  จำกัด เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ วันตรุษจีน 2567 มีรายละเอียดดังนี้ ปฏิทินวันตรุษจีนปี 2567 วันจ่าย ตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 วันจ่าย คือ วันก่อนวันสิ้นปีก่อนถึงตรุษจีน เป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะต้องออกไปจับจ่าย ซื้อของ รวมทั้งอาหาร ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ วันไหว้ตรุษจีน ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ตอนเช้ามืด จะเริ่มพิธีการไหว้ ป้ายเล่าเอี๊ย โดยเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ มีเครื่องประกอบการไหว้ คือ เนื้อสัตว์สามอย่าง ได้แก่ หมู เป็ด และไก่ ตอนสาย จะทำพิธีการไหว้ ป้ายแป๋บ้อ เป็นการไหว้บรรพบุรุษ พ่อแม่ หรือญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ตอนบ่าย จะทำพิธีการไหว้ ป้ายฮ่อเฮียตี๋ เป็นการไหว้ผีพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว วันเที่ยว ตรงกับวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 วันเที่ยว ซึ่งก็คือวันตรุษจีน เป็นวันที่ทุกคนพากันออกไปท่องเที่ยวและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม สีสันสดใส ไปไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ และพากันออกเที่ยว ในวันนี้ผู้คนจะหยุดทำงาน พร้อมทั้งถือเคล็ดต่างๆ ตามธรรมเนียมตรุษจีน ประวัติความเป็นมาของวันตรุษจีน วันตรุษจีน เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวจีน ชาวจีนทุกคนให้ความสำคัญกับวันนี้อย่างมาก มีการหยุดงานเป็นเวลายาว โรงเรียนสถาบันการศึกษาปิดเทอม (ปิดเรียนฤดูหนาว)ในช่วงนี้ เหลือเพียงแต่บางอาชีพที่ต้องทำหน้าที่พิเศษ ที่ไม่สามารถหยุดงานได้ ในวันตรุษจีนหน่วยงานห้างร้านต่างจะหยุดงานเป็นเวลา 3-4 วัน เพื่อตระเตรียมจัดงานปีใหม่นี้ วันตรุษจีน นั้นคล้ายคลึงกับวันปีใหม่ในประเทศทางตะวันตก ร่องรอยของประเพณี พิธีกรรมความเป็นมาของการฉลองตรุษจีนนั้น มีมานานกว่าศตวรรษ (100 ปี) จริงๆแล้วนานมาก จนไม่สามารถย้อนกลับไปดูว่าเริ่มต้นฉลองมาตั้งแต่เมื่อไร วันตรุษจีน นั้นเป็นที่รู้จักและจำได้ทั่วไปว่าเป็น การฉลองเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ และการฉลองเป็นเวลานานถึง 15 วัน การเตรียมงานฉลองส่วนใหญ่จะเริ่มหนึ่งเดือนก่อนวันตรุษจีน (คล้ายกับวัน คริสต์มาสของประเทศตะวันตก) เมื่อผู้คนเริ่มซื้อของขวัญ, สิ่งต่างๆ เพื่อประดับบ้านเรือน, อาหารและเสื้อผ้า การทำความสะอาดครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้นในวันก่อนตรุษจีน บ้านเรือนจะถูกทำความสะอาดตั้งแต่บนลงล่าง หน้าบ้านยันท้ายบ้าน ซึ่งหมายถึงการกวาดเอาโชคร้าย ออกไป ประตูหน้าต่างมีการขัดสีฉวีวรรณทาสีใหม่ซึ่งสีแดงเป็นสีนิยม ประตูหน้าต่างจะถูกประดับประดาด้วยกระดาษที่มีคำอวยพรอย่างเช่น อยู่ดีมีสุข ร่ำรวย และอายุยืน เป็นต้น ที่มาของวันตรุษจีน เกิดจากการจัดขึ้น เพื่อตั้งใจที่จะฉลองฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีนนั้น ประเทศจีนปกคลุมไปด้วยหิมะ จึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ เมื่อเข้าถึงฤดูใบไม้ผลิ จึงจะสามารถเพาะปลูกพืนผักได้ตามปกติ ชาวจีนจึงกำหนดให้วันแรกของฤดูใบไม้ผลิตในแต่ละปีเป็นวันสำคัญที่เรียกว่า "วันตรุษจีน" ว่ากันว่า 1 คืนก่อนวันปีใหม่จีน คือวันสุดท้ายของปีนั่นเอง เป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ช่วงมื้อค่ำคืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวจะนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหารชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ในช่วงเวลานี้ทุกบ้านจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไปชิมไป ทานไปครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะตื่นแต่เช้าไปเยี่ยมเพื่อนบ้านเพื่อนฝูงเพื่ออวยพรปีใหม่ ประเพณีและกิจกรรมของวันตรุษจีน การไหว้บรรพบุรุษ เป็นการแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ชาวจีนจะจัดเตรียมอาหารและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ การแจกซองแดง เป็นการมอบเงินขวัญถุงให้กับเด็กๆ เพื่อเป็นสิริมงคล เด็กๆ ที่ได้รับซองแดงจะต้องกล่าวคำขอบคุณผู้ใหญ่ที่มอบซองแดงให้ การกินอาหารมงคล ชาวจีนเชื่อว่าการกินอาหารมงคลจะช่วยให้มีโชคดีตลอดทั้งปี อาหารมงคลที่มักรับประทานในวันตรุษจีน ได้แก่ ปลา หมี่ซั่ว ขนมเข่ง เกี๊ยว เป็นต้น การประดับบ้านเรือนด้วยสีแดง สีแดงเป็นสีมงคลของชาวจีน ชาวจีนจึงนิยมประดับบ้านเรือนด้วยสีแดงในวันตรุษจีน การเยี่ยมญาติมิตร ชาวจีนจะใช้เวลาในวันตรุษจีนไปเยี่ยมญาติมิตร เพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยกัน อาหารและขนมมงคลของวันตรุษจีน ในวันฉลองตรุษจีน อาหารจะถูกรับประทานมากกว่าวันอื่นๆในปี อาหารชนิดต่างๆที่ปฏิบัติกันจนเป็นประเพณี จะถูกจัดเตรียมเพื่อญาติพี่น้องและเพื่อนฝูง รวมไปถึงคนรู้จักที่ได้เสียไปแล้ว ในวันตรุษครอบครัวชาวจีนจะทานผักที่เรียกว่า ไช่ ถึงแม้ผักชนิดต่างๆที่นำมาปรุง จะเป็นเพียงรากหรือผักที่มีลักษณะเป็นเส้นใยหลายคนก็เชื่อว่าผักต่างๆมีความหมายที่เป็น มงคลในตัวของมัน เม็ดบัว - มีความหมายถึง การมีลูกหลานที่เป็นชาย เกาลัด - มีความหมายถึง เงิน สาหร่ายดำ - คำของมันออกเสียงคล้าย ความร่ำรวย เต้าหู้หมักที่ทำจากถั่วแห้ง - คำของมันออกเสียงคล้าย เต็มไปด้วยความร่ำรวย และ ความสุข หน่อไม้ - คำของมันออกเสียงคล้าย คำอวยพรให้ทุกอย่างเต็มไปด้วยความสุข เต้าหู้ที่ทำจากถั่วสดนั้นจะไม่นำมารวมกับอาหารในวันนี้เนื่องจากสีขาวซึ่งเป็นสีแห่งโชคร้าย สำหรับปีใหม่และหมายถึงการไว้ทุกข์ ปลาทั้งตัว - เป็นตัวแทนแห่งการอยู่ร่วมกันและความอุดม-สมบรูณ์ ไก่ - สำหรับความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไก่นั้นจะต้องยังมีหัว หางและเท้าอยู่ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ เส้นหมี่ - ไม่ควรตัดเนื่องจากหมายถึงชีวิตที่ยืนยาว * ในทางตอนใต้ของจีน อาหารที่นิยมที่สุดและทานมากที่สุดได้แก่ ข้าวเหนียวหวานนึ่ง บ๊ะจ่างหวาน ซึ่งถือเป็นอาหารอันโอชะ ส่วนทางเหนือได้แก่ หมั่นโถและติ่มซำ เป็นอาหารที่นิยม * อาหารจำนวน มากที่ถูกตระเตรียมในเทศกาลนี้มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์และความร่ำรวยของบ้าน ความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน       ในวันตรุษจีนทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่ ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่ 1. หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฏิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน 2. การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผม เพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี 3. วันตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมากๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อ เป็นความเป็นสิริมงคล 4.บุคคลแรกที่พบ บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี 5.การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษ การเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้ายมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือปกติ ก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก 6.ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษ เพราะชาวจีนเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมา แต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือและปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีนตระหนักดีว่า การปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อน เป็นการแสดงถึงความเป็นครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน 15 วันแห่งการฉลองตรุษจีน วันแรกของปีใหม่ เป็นการต้อนรับเทวดาแห่งสวรรค์และโลก หลายคนงดทานเนื้อ ในวันนี้ด้วยความเชื่อที่ว่าจะเป็นการต่ออายุและนำมาซึ่งความสุขในชีวิตให้กับตน วันที่สอง ชาวจีนจะไหว้บรรพชนและเทวดาทั้งหลาย และจะดีเป็นพิเศษกับสุนัข เลี้ยงดูให้ข้าวอาบ น้ำให้แก่มัน ด้วยเชื่อว่า วันที่สองนี้เป็นวันที่สุนัขเกิด วันที่สามและสี่ เป็นวันของบุตรเขยที่จะต้องทำความเคารพแก่พ่อตาแม่ยายของตน วันที่ห้า เรียกว่า พูวู ซึ่งวันนี้ทุกคนจะอยู่กับบ้านเพื่อต้อนรับการมาเยือน ของเทพเจ้าแห่งความร่ำรวย ในวันนี้จะไม่มีใครไปเยี่ยมใครเพราะจะถือว่าเป็นการนำโชคร้าย มาแก่ทั้งสองฝ่าย วันที่หก ถึงสิบชาวจีนจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของ ครอบครัว และไปวัดไปวาสวดมนต์เพื่อความร่ำรวยและความสุข วันที่เจ็ด ของตุรุษจีนเป็นวันที่ชาวนานำเอาผลผลิตของตนออกมาชาวนาเหล่านี้จะทำน้ำที่ทำมาจากผักเจ็ดชนิดเพื่อฉลองวันนี้ วันที่เจ็ดถือเป็นวันเกิด ของมนุษย์ในวันนี้อาหารจะเป็น หมี่ซั่วกินเพื่อชีวิตที่ยาวนานและปลาดิบเพื่อความสำเร็จ วันที่แปด ชาวฟูเจียน จะมีการทานอาหารร่วมกันกับครอบครอบอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนทุกคนจะสวดมนต์ของพรจาก เทียนกง เทพแห่งสวรรค์ วันที่เก้า จะสวดมนต์ไหว้และถวายอาหารแก่ เง็กเซียนฮ่องเต้ วันที่สิบถึงวันที่สิบสอง เป็นวันของเพื่อนและญาติๆ ซึ่งควรเชื้อเชิญมาทานอาหารเย็น และหลังจากที่ทานอาหารที่อุดมไปด้วยความมัน วันที่สิบสามถือเป็นวันที่เราควรทานข้าวธรรมดากับผักดองกิมกิ ถือเป็นการชำระล้างร่างกาย วันที่สิบสี่ ความเป็นวันที่เตรียมงานฉลองโคมไฟซึ่งจะมีขึ้น ในคืนของวันที่สิบห้าแห่งการฉลองตรุษจีน วันที่สิบห้า คืนแห่งการฉลองโคมไฟ วันตรุษจีน ขอขอบคุณข้อมูลจาก : sanook.com

313 19 พ.ย. 2567, 10:34


Scroll to Top