ไอดี ไดรฟ์ เคยได้ยินคำพูดที่ว่าหลายคนอาจ “ขับเร็วประหยัดน้ำมันกว่า” ฟังดูขัดกับสามัญสำนึกอยู่ไม่น้อย เพราะเรามักเชื่อกันว่าการขับรถเร็วจะกินน้ำมันมากกว่า แล้วสรุปแล้ว...มันจริงหรือไม่? วันนี้เรามาไขข้อสงสัยนี้กันครับ
“จริงบางกรณี แต่ไม่เสมอไป” การขับรถเร็ว อาจ ประหยัดน้ำมันกว่าการขับช้ามาก ๆ แต่ถ้าเร็วเกินไปก็จะทำให้สิ้นเปลืองมากขึ้น เช่นกัน
มาดูเหตุผลทางเทคนิคกัน
1. รอบเครื่องยนต์มีผลโดยตรง
หากขับด้วยความเร็วที่เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ (เช่น 80-100 กม./ชม. ในเกียร์สูงสุด) รถจะใช้น้ำมันน้อยต่อระยะทาง 1 กม. มากกว่าการขับช้ากว่านั้นในเกียร์ต่ำ
2. ความเร็วต่ำเกินไปก็ไม่ดี
การขับช้าเกินไป (เช่น 30-50 กม./ชม.) อาจทำให้รอบเครื่องอยู่ในช่วงที่ไม่ประหยัด และยังต้องใช้เกียร์ต่ำ ส่งผลให้กินน้ำมันมากขึ้น
3. ขับเร็วเกินไป = ต้านลมเพิ่ม
เมื่อความเร็วเกินกว่า 110 กม./ชม. แรงต้านอากาศจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ทำให้เครื่องต้องใช้แรงและน้ำมันมากขึ้นในการวิ่ง
4. พฤติกรรมการขับขี่ก็สำคัญ
การขับแบบเร่ง-เบรกบ่อย ขึ้นเขาเร็ว ๆ หรือลงเนินแล้วเหยียบคันเร่งต่อเนื่อง = เปลืองแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเร็วหรือช้า
แล้วขับความเร็วเท่าไหร่จึงประหยัดที่สุด?
โดยทั่วไปแล้ว ความเร็วที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการประหยัดน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ
80 – 100 กม./ชม. บนทางหลวง และควรใช้ เกียร์สูงสุด ที่เครื่องยนต์ยังทำงานได้ลื่นไหล
สรุปให้เข้าใจง่าย
ขับช้าเกินไป
ไม่ประหยัด (เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ)
ขับเร็วพอเหมาะ (80-100 กม./ชม.)
ประหยัดที่สุด
ขับเร็วเกินไป (110+ กม./ชม.)
เปลืองน้ำมันมาก
เคล็ดลับเพิ่มเติมในการขับรถให้ประหยัดน้ำมัน
วางแผนเส้นทาง – หลีกเลี่ยงรถติด
ขับทางเรียบให้ต่อเนื่อง ไม่เบรกบ่อย
เช็คลมยางให้เหมาะสมอยู่เสมอ
ไม่บรรทุกของหนักโดยไม่จำเป็น
ใช้ระบบ Cruise Control เมื่อขับทางไกล
จะขับเร็วหรือช้า ไม่ใช่แค่เรื่องประหยัด แต่ยังเป็นเรื่อง ความปลอดภัย อย่าลืมว่า “ขับขี่ปลอดภัย ถึงไว และถึงบ้านอย่างมีความสุข” สำคัญกว่าแค่การประหยัดน้ำมันครับ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
60
12 มิ.ย. 2568, 14:56
การทำใบขับขี่ เป็นมากกว่าแค่การเรียนรู้วิธีการขับรถให้เคลื่อนที่ได้การมีใบขับขี่ไม่ใช่เพียงแค่เอกสารสิทธิ์ในการขับขี่ยานพาหนะแต่คือสัญลักษณ์ของ ความรับผิดชอบที่คุณมีต่อชีวิตตัวเอง ชีวิตผู้โดยสารและชีวิตเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนทุกคน การ สอบใบขับขี่จึงเป็นการคัดกรองว่าคุณมีความพร้อมเพียงพอที่จะออกสู่ถนนสาธารณะหรือไม่ในโลกของการขับขี่ที่มีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความเสี่ยงการเป็นเพียงผู้ที่ขับเป็นอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องเป็นผู้ขับขี่ที่ปลอดภัยและมีสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม การเรียนรู้เทคนิคการขับขี่ขั้นสูงการทำความเข้าใจกฎจราจรอย่างลึกซึ้ง และการมีทัศนคติที่ถูกต้องคือหัวใจสำคัญของการเป็นนักขับขี่ที่มีคุณภาพทำไม โรงเรียน สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ถึงเป็นมากกว่าโรงเรียนสอนขับรถทั่วไป? หลายคนอาจคิดว่าแค่เรียนรู้ท่าสอบแล้วไป สอบใบขับขี่ ให้ผ่านก็เพียงพอ แต่ที่โรงเรียน สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟศูนย์ฝึกอบรมนักขับรถมืออาชีพ เรามีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลกว่านั้น เรามุ่งมั่นที่จะ:
สร้างนักขับขี่เชิงป้องกัน (Defensive Driving):
เราสอนให้คุณคาดการณ์สถานการณ์อันตรายล่วงหน้า
และเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
ไม่ใช่แค่การตอบสนองเมื่อเกิดเหตุแล้ว
ปลูกฝังทัศนคติที่ถูกต้อง: เราเน้นย้ำเรื่องความเคารพกฎจราจร
ความอดทน ความมีน้ำใจ และความรับผิดชอบต่อสังคม
เพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
พัฒนาทักษะการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน:
คุณจะได้ฝึกฝนการควบคุมรถในสถานการณ์วิกฤต เช่นเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างปลอดภัย
ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาการทำใบขับขี่ที่แตกต่างและมีคุณภาพ:
ไม่ใช่แค่ต้องการ สอบใบขับขี่ ให้ผ่าน
แต่ต้องการเป็นผู้ขับขี่ที่มีทักษะขั้นสูงและปลอดภัย
ไม่ใช่แค่ต้องการขับรถได้
แต่ต้องการเข้าใจและปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
ไม่ใช่แค่ต้องการมีใบขับขี่
แต่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมการขับขี่ที่ปลอดภัยและน่าอยู่ยิ่งขึ้น
โรงเรียน สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์ คือคำตอบสำหรับคุณ!เราพร้อมที่จะส่งมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่เหนือกว่า เพื่อให้คุณไม่ได้แค่ทำใบขับขี่ ได้สำเร็จ แต่ยังก้าวสู่การเป็นนักขับขี่มืออาชีพที่ปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคม อย่างแท้จริง
มาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนักขับขี่คุณภาพกับเราสิครับ!
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
61
12 มิ.ย. 2568, 15:12
“ขับดีมาตลอด ไม่เคยชนเลย จะทำประกันทำไม?”
คำพูดนี้ฟังดูมีเหตุผล...จนถึงวันที่คุณ พลาดแค่เสี้ยววินาที
ไอดีไดรฟ์เชื่อว่าในชีวิตจริง อุบัติเหตุไม่เคยเตือนล่วงหน้า
แม้คุณจะขับรถดีแค่ไหน แต่บนถนนมีอีกหลายร้อยชีวิตที่ไม่ได้คิดเหมือนกัน
สมมติว่า...
คุณกำลังขับรถกลับบ้านตามปกติ แต่รถคันหน้าเบรกกระทันหัน คุณเบรกทัน แต่รถมอเตอร์ไซค์ด้านหลังไม่ทัน และชนท้ายคุณ
คุณไม่ผิด
แต่คุณต้องเสียเวลาเรียกตำรวจ
และต้องซ่อมรถของตัวเอง
ถ้าไม่มีประกัน...ทุกค่าใช้จ่ายคุณต้องจ่ายเอง!
ขับดี ≠ ปลอดภัยเสมอ
บนท้องถนนมีหลายปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น
คนอื่นขับเร็ว ขับเสี่ยง
ถนนลื่น ฝนตก
เด็กวิ่งตัดหน้าแบบไม่คาดคิด
ยางระเบิดกะทันหัน
สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวกับว่าเราขับดีหรือไม่
แต่เกี่ยวกับว่า เราพร้อมรับมือแค่ไหน
ไม่มีประกัน = เสี่ยงเสียเงินก้อนโต
ลองคิดดูว่า...
ชนกับรถหรู ซ่อมหลักแสน
ชนแล้วมีผู้บาดเจ็บ ต้องรับผิดชอบค่ารักษา
รถหาย หรือถูกไฟไหม้ สูญเงินทั้งคัน
หากไม่มีประกันคุ้มครอง คุณอาจต้องควักกระเป๋าหลายหมื่น หรือหลักแสนภายในพริบตา
ประกัน = ซื้อความอุ่นใจล่วงหน้า
การทำประกันรถยนต์ไม่ใช่แค่เรื่องของ "กลัวชน"
แต่มันคือ
ความอุ่นใจในวันที่ไม่คาดคิด
ลดภาระเรื่องค่าซ่อม
มีคนช่วยจัดการเรื่องเอกสารและเคลม
และที่สำคัญ...ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งวุ่นเมื่อเกิดเหตุ
สรุป
ไม่มีใครอยากใช้ประกัน
แต่เมื่อถึงวันที่ต้องใช้...คุณจะขอบคุณตัวเองที่ "มี"
เพราะสุดท้ายแล้ว
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ แม้คุณจะขับดีแค่ไหนก็ตาม
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
107
12 มิ.ย. 2568, 01:07
ไอดีไดรฟ์เชื่อว่าหลายคนที่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์คงคุ้นเคยกับคำว่า “ต่อ พ.ร.บ.” กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องต่อทุกปี และถ้าเผลอลืมต่อ พ.ร.บ. จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? วันนี้เรามาเคลียร์ให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ ครับ
พ.ร.บ. คืออะไร?
พ.ร.บ. ย่อมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
หรือที่หลายคนเรียกว่า “ประกันภาคบังคับ”
สิ่งนี้คือประกันที่ "กฎหมายบังคับ" ให้รถทุกคันต้องมี เพราะมันคือระบบพื้นฐานเพื่อให้ทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุจากรถ ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสาร หรือคนเดินถนน ได้รับ ค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยเบื้องต้น โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก
ทำไมต้องต่อทุกปี?
พ.ร.บ. มีอายุเพียง 1 ปี – หลังจากนั้นถือว่าหมดอายุทันที ไม่สามารถใช้คุ้มครองได้อีก
ต่อภาษีรถไม่ได้ถ้าไม่มี พ.ร.บ. – กรมขนส่งทางบกจะไม่รับต่อภาษีประจำปีหากไม่มีหลักฐาน พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ
เป็นการรักษาสิทธิ์คุ้มครองของตัวเองและผู้อื่น – เพราะถ้าประสบอุบัติเหตุแล้วไม่มี พ.ร.บ. จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือทันทีตามกฎหมาย
ถ้าไม่ต่อ พ.ร.บ. จะเกิดอะไรขึ้น?
ผิดกฎหมาย – มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ต่อภาษีรถไม่ได้ – ส่งผลให้รถหมดภาษี และกลายเป็น “รถขาดต่อทะเบียน”
หมดสิทธิ์คุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ – ถ้ามีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รถของคุณจะไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลหรือเงินชดเชยได้ตามกฎหมาย
เสี่ยงถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเอง – ถ้าไม่มี พ.ร.บ. และเกิดอุบัติเหตุรุนแรง คุณอาจต้องจ่ายค่ารักษาให้ผู้อื่นเองทั้งหมด
ต่อ พ.ร.บ. ง่ายกว่าที่คิด
ทำได้ทั้งออนไลน์และที่สำนักงานประกันทั่วไป
ราคาไม่แพง เช่น รถยนต์ไม่เกิน 1,000 บาท / รถจักรยานยนต์ประมาณ 300-500 บาท
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์
พ.ร.บ. คือความปลอดภัยพื้นฐานของทุกคนบนถนน
อย่ามองข้ามหรือคิดว่าเป็นภาระเล็กๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา การมี พ.ร.บ. คือสิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความเสียหายได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุด
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
84
12 มิ.ย. 2568, 05:24
หลายคนที่กำลังจะสอบใบขับขี่ อาจมีคำถามในใจว่า “การสอบทฤษฎีกับปฏิบัติต่างกันยังไง?” แล้วต้องเตรียมตัวยังไงให้ผ่านทั้งสองด่านอย่างมั่นใจ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกความแตกต่าง ไอดี ไดรฟ์ (Id Drives) พามาเช็คความพร้อมเทคนิคเตรียมตัวทั้งสองแบบอย่างครบถ้วน
การสอบทฤษฎี: ความรู้ที่ต้องแม่นก่อนจับพวงมาลัย
การสอบทฤษฎีเปรียบเหมือนการวางรากฐานของความรู้ก่อนเริ่มขับรถจริง เนื้อหาที่ต้องรู้ ได้แก่
กฎหมายจราจร
สัญญาณไฟ/ป้ายจราจร
มารยาทในการขับขี่
วิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
สิ่งที่ช่วยให้สอบผ่าน:
ฝึกทำข้อสอบออนไลน์ เช่น แอปฯ DLT Exam หรือเว็บไซต์กรมขนส่ง
อ่านหนังสือคู่มือใบขับขี่จากขนส่ง
จดจำป้ายจราจรที่มักออกสอบบ่อยๆ
การสอบปฏิบัติ: สนามจริงที่วัดใจและทักษะ
การสอบปฏิบัติคือด่านที่ผู้สอบต้องแสดงทักษะการขับรถจริงในสนามของกรมขนส่ง เช่น
ขับรถตรงผ่านทางแคบ
จอดเทียบฟุตบาท
ถอยหลังเข้าซอง
ขับเลี้ยวซ้าย/ขวา และกลับรถ
เคล็ดลับสำเร็จ:
ฝึกขับกับครูฝึกในสนามจริง
รู้จังหวะรถตัวเอง เช่น การหมุนพวงมาลัย การเบรก การใช้กระจก
มีสติ ไม่รีบร้อน ทำทีละขั้นตอน
สรุป: ความรู้ + ทักษะ = ผ่านแน่นอน
การสอบใบขับขี่ไม่ได้ยากถ้าเราเตรียมตัวถูกทาง ความรู้ในห้องสอบทฤษฎีจะช่วยให้เราเข้าใจกฎหมายและขับรถอย่างปลอดภัย ส่วนการสอบปฏิบัติก็ช่วยให้เราใช้งานรถได้คล่องและมั่นใจมากขึ้น
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
98
10 มิ.ย. 2568, 21:36