เหตุใดถึงต้องต่อภาษีแทรกเตอร์ และขั้นตอนการต่อภาษีต้องทำอย่างไร
สวัสดีครับพี่น้องชาวเกษตรกรทุกท่าน หลายๆท่านที่เพิ่งซื้อแทรกเตอร์คูโบต้าคันแรก อาจไม่ทราบว่าแทรกเตอร์ ของเราก็ต้องมีการเสียภาษี และ พ.ร.บ. เหมือนรถยนต์เลยนะครับ หรือบางท่านที่ซื้อแทรกเตอร์มานานแล้วอาจจะลืมต่อภาษี และ พ.ร.บ. ประจำปี วันนี้ผมมีเนื้อหาดี ๆ เกี่ยวกับการต่อภาษี และ พ.ร.บ. มาให้ทุกท่านทราบกันครับ
ความสำคัญของการต่อภาษีรถ
กฏหมายบังคับให้ทุกคนที่มีรถเอาไว้ในครอบครองต้องดำเนินการเสียภาษีประจำปี (พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522)
ป้ายภาษีเป็นหลักฐานการแสดงต่อหน่วยงานรัฐว่าทำตามกฎหมายถูกต้อง ไม่ต้องถูกปรับ
การต่อภาษีรถเป็นองค์ประกอบสำคัญในการพิจารณาความคุ้มครองจากผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.)
ผลกระทบจากการไม่ต่อภาษี
ผู้ครอบครองรถถือเป็นผู้มีหน้าที่ในการชำระค่าภาษีรถประจำปี ซึ่งหากไม่ชำระภายในกำหนด จะมีผลดังนี้
กรณีค้างชำระภาษีรถประจำปีไม่ถึงสามปี : นายทะเบียน (ขนส่ง) มีอำนาจที่จะไม่รับดำเนินการด้านทะเบียนใด ๆ จนกว่าจะเสียภาษีที่ค้างชำระและเงินเพิ่มให้ครบถ้วน
กรณีค้างชำระภาษีรถประจำปีติดต่อกันครบสามปี : ทะเบียนรถจะถูกระงับไป จะต้องนำคู่มือจดทะเบียนรถไปแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อบันทึกหลักฐานการระงับทะเบียนรถภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง หากจะต้องดำเนินการเกี่ยวกับเล่มทะเบียน จะต้องชำระค่าภาษีที่ค้างสามปี และเงินเพิ่ม รวมถึงต้องดำเนินการขอจดทะเบียนรถใหม่ต่อไป ส่วนกรณีที่ผู้ครอบครองกระทำผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ใช้รถที่ถูกระงับทะเบียน หรือใช้รถที่ไม่แสดงเครื่องหมายเสียภาษีรถประจำปี ผู้ครอบครองจะต้องเสียค่าปรับด้วยตนเอง
ขั้นตอนการต่อภาษี
นำเล่มทะเบียน หรือ สำเนาเล่มทะเบียน และ พ.ร.บ. ไปยื่นเสียภาษีที่กรมการขนส่งทั่วประเทศ สามารถต่อภาษีล่วงหน้าได้ 90 วันก่อนครบอายุภาษี (สำหรับแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าว และรถขุดคูโบต้า ไม่อยู่ในข่ายต้องตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปี)
นี่ก็เป็นความสำคัญในการต่อภาษีประจำปี เพื่อให้เราสามารถใช้งานแทรกเตอร์ของเราได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายนะครับ ค่าใช้จ่ายสำหรับการต่อภาษีแทรกเตอร์ และรถเกี่ยวนวดข้าวที่ใช้ในการเกษตร ก็ไม่ได้สูงเลยครับ เพียงแค่คันละ 50 บาทต่อปีเท่านั้น (พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522) ถูกกว่าค่าอาหารบางมื้อของเราซะอีกครับ ดังนั้นพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านอย่าลืมไปต่อภาษีให้ถูกต้องกันนะครับ สำหรับเรื่อง พ.ร.บ. เดี๋ยวผมมาอธิบายต่อในครั้งถัดไปนะครับ สำหรับครั้งนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก https://www.siamkubota.co.th/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
392
2 ส.ค. 2568, 08:49
อุบัติเหตุ พ.ร.บ.คุ้มครองอย่างไร
กฎหมายบังคับให้รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ทุกคันทุกประเภท จะต้องทำประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับคือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ "เรามักเรียกว่า พ.ร.บ."
ซึ่งคุ้มครองทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร รวมถึงคนเดินเท้า หากได้รับความเสียหายแก่ชีวิต บาดเจ็บ ทุพพลภาพ สูญเสียอวัยวะ
จะได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. นี้เป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าปลงศพแล้วแต่กรณี แต่ไม่รวมค่าเสียหายของทรัพย์สิน
ความคุ้มครอง
ค่าเสียหายเบื้องต้น ไม่ต้องรอผลพิสูจน์ว่าฝ่ายใดชน หรือฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูก-ผิด
กรณีบาดเจ็บ จ่ายตามค่ารักษาจริงสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท
กรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้น 35,000 บาท
กรณีเสียชีวิตหลังจากรักษาพยาบาล จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30,000 บาท และค่าปลงศพอีกจำนวน 35,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 65,000 บาท
ค่าสินไหมทดแทน คือเงินชดเชยที่ฝ่ายถูกจะได้รับ หลังการพิสูจน์ถูกผิดแล้ว
ค่ารักษาพยาบาล จ่ายตามค่ารักษาจริงสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาท
กรณีสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ชดเชย 200,000 - 500,000 บาท (กรณีสูญเสียอวัยวะ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ)
กรณีเสียชีวิต ชดเชย 500,000 บาท
ค่าชดเชยกรณีเป็นผู้ป่วยใน 200 บาทต่อวัน แต่ไม่เกิน 20 วัน
การขอรับค่าเสียหาย
ผู้ประสบภัยจากรถ หรือทายาท ยื่นเรื่องขอรับค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้โรงพยาบาลเป็นผู้รับแทนก็ได้
ค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นจ่ายตามจริงไม่เกิน 30,000 บาท มี สิทธิ์รับได้ภายใน 7 วัน นับจากวันร้องขอจากบริษัทประกันภัยโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด ระยะเวลาในการขอใช้สิทธิ์ พ.ร.บ.ภายใน 180 วันหลังจากวันที่เกิดเหตุ
หลักฐานที่ต้องเตรียม
สำเนาบัตรประชาชนของผู้ประสบภัยและเจ้าของรถ
สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ประสบภัย
สำเนาบันทึกประจำวันตำรวจ
สำเนาหนังสือจดทะเบียนรถ
ตารางกรมธรรม์ประกันภัย
ใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาล
กรณีอุบัติเหตุจากรถดังต่อไปนี้
ชนแล้วหนี
รถที่ไม่มีประกันภัย และเจ้าของรถไม่ยอมจ่าย
รถที่ถูกลักทรัพย์ ชิงทรัพย์
ไม่มีผู้แสดงตนเป็นเจ้าของรถและรถไม่มีประกันภัย
บริษัทประกันภัยไม่จ่ายค่าเสียหายหรือจ่ายไม่ครบจำนวน
กรณีดังกล่าวข้างต้น ผู้ประสบภัยขอรับค่าเสียหายเบื้องต้น 30,000 บาท/คน ได้จากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานพาณิชย์ทุกจังหวัด
ประโยชน์หลักของการทำ พ.ร.บ. คือการดูแลค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บ เมื่อเกิดเหตุทันที
"อย่าลืมทำ และอย่าลืมต่ออายุประกันภัยรถกันนะคะ"
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก https://www.khonkaenram.com/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
535
2 ส.ค. 2568, 03:03
ทุกคนที่ใช้รถยนต์นั้นมีสิ่งที่จำเป็นต้องให้ความสนใจนั่นก็คือ ทะเบียนรถ เพราะมีกฎหมายตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ หมวดที่ 1 ว่าด้วย การจดทะเบียน เครื่องหมาย และการใช้รถ ในมาตรา 6 ระบุไว้ว่ารถที่ห้ามมิให้นำมาใช้ได้แก่
รถที่ยังมิได้จดทะเบียน
รถที่ถูกเพิกถอนการจดทะเบียน
รถที่ยังมิได้เสียภาษีประจำปี
รถที่แจ้งการไม่ใช้รถ
รถที่ทะเบียนระงับ
เห็นได้ชัดว่าทะเบียนรถคือเรื่องสำคัญที่ผู้ที่จะใช้รถยนต์ทุกคนนั้นจะต้องมีหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์ของตัวเองว่าได้ทำการจดทะเบียนถูกต้องเรียบร้อยหรือไม่? เสียภาษีประจำปีครบถ้วนตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเรียบร้อยหรือยัง? ซึ่งหลายๆคนคงไม่อยากจะต้องมีปัญหาเวลาเจอด่านตรวจ หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเข้ามาตรวจสอบรถยนต์ของเรา ดังนั้นจึงควรจะจัดการเรื่องทะเบียนรถให้ถูกต้องเรียบร้อยก่อนที่เราจะนำรถไปใช้งาน
ในส่วนของการกระทำผิดเกี่ยวกับทะเบียนรถมีทั้งกรณี ใช้รถที่ไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้อง, รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน, ไม่ได้เสียภาษีรถยนต์ให้เรียบร้อยตามกำหนด หรือความผิดที่หนักไปกว่านั้นคือ กรณีของการนำเอาทะเบียนรถคันอื่นมาใช้กับรถอีกคันหนึ่งหรือที่เรียกกันว่าสวมทะเบียน การปกปิด อำพราง ดัดแปลงแผ่นป้ายทะเบียน รวมไปถึงการใช้ทะเบียนปลอม ซึ่งเป็นความผิดอาญาที่มีโทษสูงสุดทั้งจำทั้งปรับ งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าบทลงโทษของแต่ละกรณีนั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง…
บทลงโทษความผิดเกี่ยวกับทะเบียนรถมีดังนี้
ใช้รถที่ยังไม่ได้จดทะเบียน
อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ใช้รถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน หรือไม่ได้แสดงแผ่นป้ายทะเบียนให้ถูกต้อง
อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ใช้รถที่ยังไม่ได้เสียภาษีประจำปีตามระยะเวลาที่กำหนด
อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ขับรถโดยไม่แสดงใบอนุญาตขับรถและสําเนาภาพถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถ
อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ใช้เครื่องหมายที่นายทะเบียนออกให้สําหรับรถคันหนึ่งกับรถอีกคันหนึ่ง หรือ สวมทะเบียน
อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
เปลี่ยนแปลงหรือปิดบังทั้งหมดหรือบางส่วนของทะเบียนรถ
อัตราโทษ : ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ใช้ะทะเบียนรถที่ทำขึ้นเองโดยไม่มีสิทธิ หรือใช้ทะเบียนปลอม (ความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม)
อัตราโทษ : จำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
773
2 ส.ค. 2568, 03:22
“เลื่อนล้อต่อภาษี” รวดเร็ว ปลอดภัย! สำหรับคนขับรถ
ปัจจุบันการต่อภาษีรถยนต์ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาดำเนินการเป็นวัน ๆ อีกต่อไป เพราะมีบริการที่เหมาะกับยุค New Normal อย่าง เลื่อนล้อต่อภาษี หรือ Drive Thru for Tax ที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19 มากกว่าด้วย วันนี้เกร็ดความรู้จากโตโยต้า ลีสซิ่ง จึงมีข้อมูลในการต่อภาษีรถยนต์จากกรมการขนส่งทางบกมาฝากกัน
บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) คือ บริการชำระภาษีรถยนต์ประจำปีที่ไม่จำเป็นต้องลงจากรถไปดำเนินการด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน ตามชื่อที่เรียกว่า Drive Thru หรือการขับรถไปเทียบที่ช่องบริการในกรมการขนส่งทางบกและแจ้งดำเนินการต่อภาษี
สำหรับการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีโดยใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษีนั้นสามารถทำได้ที่กรมการขนส่งทางบก สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 5 และยังสามารถดำเนินการได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ ให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่ 07.30 - 15.30 น.
แต่ใช่ว่ารถทุกประเภทจะสามารถใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษีได้ เพราะรถยนต์ที่สามารถใช้บริการนี้ได้นั้นมีดังนี้
• รถยนต์นั่งส่วนบุคคล บรรทุกไม่เกิน 7 คน
• รถยนต์นั่งส่วนบุคคล บรรทุกเกิน 7 คน
• รถบรรทุกส่วนบุคคลหรือรถกระบะ
• รถจักรยานยนต์
• รถติดแก๊ส ทั้ง LPG และ NGV (CNG)
สำหรับขั้นตอนการเข้ารับบริการสามารถต่อภาษีรถยนต์ได้ด้วยการเตรียมเอกสารให้พร้อม จากนั้นขับรถไปที่สำนักงานขนส่งที่สะดวกและเข้ารับบริการที่ช่องเลื่อนล้อต่อภาษี หลังยื่นเอกสารและชำระเงินแล้ว รอเจ้าหน้าที่ดำเนินการเพียงไม่กี่นาที เพียงเท่านี้ก็ทำการต่อภาษีเรียบร้อย ทั้งสะดวก รวดเร็วกว่า และที่สำคัญคือไม่ต้องเสียเวลาในการดำเนินการเป็นวัน ไม่ต้องรอรับบริการในพื้นที่แออัดจนเสี่ยงกับโควิด-19
อย่างไรก็ตาม ในการต่อภาษีรถยนต์จะต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนเข้ารับบริการด้วย โดยผู้เข้ารับบริการต้องเตรียมเอกสารดังนี้
• เล่มทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนรถ
• เอกสารกรมธรรม์ เอกสารประกันภัย หรือพ.ร.บ.รถยนต์ที่ยังไม่หมดอายุ
• รถยนต์อายุเกิน 7 ปีขึ้นไปและรถจักรยานยนต์อายุเกิน 5 ปีขึ้นไปต้องนำใบตรวจสภาพรถไปด้วย
• รถที่ติดตั้งแก๊สต้องนำใบรับรองการติดตั้งแก๊สไปด้วย (ทั้ง LPG และ NGV)
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก https://www.tlt.co.th/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
421
2 ส.ค. 2568, 10:00
เคยเจอกันไหมครับ ? เมื่อติดต่อไปยังบริษัทประกันภัยเพื่อจะขอเคลมประกันรถยนต์ แต่ดันมีตัวเลือกระหว่างซ่อมห้างหรือซ่อมอู่ จนทำให้หลายคนสงสัยว่าแล้วมันต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อมห้างกับซ่อมอู่ รวมไปถึงข้อดีและข้อเสียของการซ่อมทั้ง 2 แบบนี้ เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายๆ มาฝากกัน และแบบไหนที่จะเหมาะสมกับรถของคุณมากที่สุด
ซ่อมห้าง
ซ่อมห้าง หรือที่เราเรียกกันว่า “ซ่อมศูนย์” คือการนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการรถยนต์ของยี่ห้อนั้นๆ โดยจะได้รับการบริการจากช่างมืออาชีพที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากทางศูนย์บริการ นอกจากนี้ยังมีส่วนงานผลิตที่ผลิตอะไหล่ของยี่ห้อ
รถยนต์นั้นๆ โดยตรง จึงทำให้คุณมั่นใจได้ว่าอะไหล่ที่คุณจะได้รับนั้นเป็นของใหม่ตามรุ่น มีมาตรฐาน ที่ส่งตรงมาจากโรงงานอย่างแน่นอน
นอกจากเรื่องของชิ้นส่วนรถยนต์แล้ว ยังมีระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการบริการที่ดี แต่ก็แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย
ข้อดีของการซ่อมห้าง
สามารถไว้ใจได้ในเรื่องการซ่อม เก็บงานละเอียด ได้มาตรฐาน เพราะมีช่างผู้ชำนาญการและเป็นมืออาชีพ
มีการจัดการที่เป็นระบบมากกว่า ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดน้อย
มีอะไหล่ชิ้นส่วนแท้และเป็นของใหม่ที่ส่งตรงมาจากโรงงานตามรุ่นรถยนต์โดยตรง
รับประกันงานซ่อม หากมีปัญหาภายหลังสามารถนำเข้ามาเคลมใหม่ได้
ข้อเสียของการซ่อมห้าง
รอคิวนาน ใช้ระยะเวลาซ่อมนาน ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน
ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์สูงขึ้น หรือมีส่วนต่างในการซ่อมที่สูง
บางพื้นที่หรือต่างจังหวัดอาจไม่มีศูนย์ให้บริการที่ทั่วถึง
ซ่อมอู่
ซ่อมอู่ คือการซ่อมรถยนต์ตามอู่ธรรมดาทั่วไปที่เราพบเห็น ซึ่งอาจจะเป็นอู่ใกล้บ้านที่รู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว มาตรฐานก็ขึ้นอยู่กับดวงของคุณ หากคุณไม่ได้ศึกษาข้อมูลของอู่นั้นๆ ก่อนเข้าไปใช้บริการให้ดี ก็อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้ โดยการให้บริการซ่อมอู่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
อู่ในเครือประกัน : คืออู่ที่มีการรับรองมาตรฐานโดยบริษัทประกัน ที่เราทำสัญญาเอาไว้ หากคุณต้องการเคลมประกันรถยนต์ คุณก็สามารถนำรถเข้าไปซ่อมที่อู่ประเภทนี้ได้เลยโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งการซ่อมอู่ประเภทนี้คุณสามารถไว้วางใจได้เลย เนื่องจากมีการรับรองมาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตาม ควรจะเช็กข้อมูลของบริษัทประกันฯ ให้ดีก่อนว่ามีอู่ที่ให้บริการในเครือครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน
อู่นอกเครือประกัน : คืออู่ที่ไม่ได้รับรองมาตรฐานจากบริษัทประกัน หรืออย่างที่เรารู้กันว่าเป็นอู่ซ่อมธรรมดาทั่วๆ ไปนั่นเอง โดยอู่ประเภทนี้คุณจำเป็นต้องหาข้อมูลอย่างละเอียด หากไม่อยากไปเสี่ยงดวงในเรื่องของการบริการ อีกทั้งคุณยังต้องสำรองจ่ายล่วงหน้าไปก่อนอีกด้วย และค่อยไปเบิกย้อนหลังกับบริษัทประกันรถยนต์ที่คุณทำไว้ (อาจะได้คืนไม่เต็มจำนวน) แต่ในปัจจุบันอู่ธรรมดาทั่วๆ ไปนี้ก็มีการพัฒนาเพื่อรักษามาตรฐานของตัวเองเช่นเดียวกัน ซึ่งหากคุณจำเป็นต้องซ่อมอู่ประเภทนี้จริงๆ เราขอแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลของอู่นั้นๆ ให้ดีเสียก่อนที่จะนำรถเข้าไปใช้บริการนะครับ
ข้อดีของการซ่อมอู่
ใช้เวลารวดเร็วในการซ่อม ดำเนินเรื่องไว
มีตัวเลือกเยอะ เพราะอู่ซ่อมรถทั่วไปมีเยอะกว่าศูนย์บริการ
จ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง
เลือกคุณภาพอะไหล่รถยนต์ได้ตามใจ ต้องการเกรดไหน ยี่ห้อไหน ของแท้หรือของเทียมก็มีให้เลือกทั้งหมด แต่ส่วนสำคัญคือ เจ้าของรถจำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องรถมากพอสมควร
ข้อเสียของการซ่อมอู่
มีความเสี่ยงในการที่อู่ธรรมดาทั่วไปเก็บงานไม่ละเอียด
เมื่อเกิดปัญหาจากการซ่อม บางอู่ไม่รับประกันหรือแก้ไขปัญหาให้
มีโอกาสที่จะโดนเอาอะไหล่เก่ามาสับเปลี่ยน
ซ่อมห้าง ซ่อมอู่ แบบไหนดีกว่ากัน ?
คงจะตอบได้ยากว่าการซ่อมห้างหรือซ่อมอู่ แบบไหนดีกว่ากัน เพราะปัจจุบันอู่ซ่อมหลายๆ แห่ง ก็มีการปรับปรุงและพัฒนาให้มีมาตรฐานมากขึ้น อีกทั้งเรายังสามารถหาดูรีวิวได้ตามเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้เราสามารถไว้ใจการซ่อมอู่ได้มากขึ้นในยุคนี้
โดยเฉพาะการซ่อมอู่ในเครือบริษัทประกัน เนื่องจากมีการตรวจสอบมาตรฐานอยู่ตลอด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุดอยู่เสมอ แต่ถ้ารถของคุณยังเป็นรถรุ่นใหม่ เราขอแนะนำให้เลือกแบบซ่อมห้างจะดีที่สุด เพราะทางศูนย์บริการจะมีอะไหล่สำหรับรถใหม่เตรียมไว้ให้พร้อมเปลี่ยนอยู่ตลอด ต่างจากซ่อมอู่ที่อาจต้องสั่งของเพื่อนำมาเปลี่ยนหรืออาจไม่มีอะไหล่สำรองสำหรับรถใหม่เลยก็ได้
นอกจากนี้ยังต้องดูด้วยว่ารถที่คุณขับมีอายุกี่ปี เพราะหากรถอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป จะไม่สามารถส่งซ่อมห้างได้ เนื่องจากไม่มีอะไหล่ให้บริการแล้ว ซึ่งจะต้องส่งซ่อมอู่แทน รวมไปถึงอาจต้องใช้อะไหล่เทียบหรือของมือสองแทน ดังนั้นหากรถที่คุณขับมีอายุเกิน 5 ปีขึ้นไป การเลือกใช้บริการซ่อมอู่ในเครือบริษัทประกันนับเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
อีกหนึ่งจุดสำคัญที่คุณควรพิจารณาคือ ต้องดูด้วยว่าอู่ในเครือประกันของบริษัทประกันที่คุณเลือกนั้นมีคุณภาพมากแค่ไหน หากบริษัทประกันที่คุณเลือกทำสัญญาด้วยมีอู่ที่ได้รับรองมาตรฐานและบริการที่ดี คุณก็คงตัดสินใจระหว่างการเลือกซ่อมห้างกับซ่อมอู่ ได้ไม่ยาก
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนก็น่าจะทราบกันแล้วนะครับว่า การซ่อมห้างกับซ่อมอู่ คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร และแบบไหนดีกว่ากัน หวังว่าข้อมูลที่เรานำมาฝากจะช่วยให้คุณตัดสินใจในการเลือกซ่อมรถได้ง่ายขึ้นนะครับ ที่สำคัญไม่ว่าจะเลือกซ่อมห้างหรือซ่อมอู่ ก็อย่าลืมหาข้อมูลต่างๆ เอาไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อที่จะได้เลือกบริการที่เหมาะกับตนเองและได้รับบริการที่ดีเมื่อเลือกใช้บริการที่นั้นๆ
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก https://www.viriyah.com/
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
366
1 ส.ค. 2568, 10:41