ไอดีไดรฟ์เชื่อว่าหลายคนที่มีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์คงคุ้นเคยกับคำว่า “ต่อ พ.ร.บ.” กันอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องต่อทุกปี และถ้าเผลอลืมต่อ พ.ร.บ. จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? วันนี้เรามาเคลียร์ให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ ครับ
พ.ร.บ. คืออะไร?
พ.ร.บ. ย่อมาจาก พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535
หรือที่หลายคนเรียกว่า “ประกันภาคบังคับ”
สิ่งนี้คือประกันที่ "กฎหมายบังคับ" ให้รถทุกคันต้องมี เพราะมันคือระบบพื้นฐานเพื่อให้ทุกคนที่ประสบอุบัติเหตุจากรถ ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสาร หรือคนเดินถนน ได้รับ ค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยเบื้องต้น โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ว่าใครผิดใครถูก
ทำไมต้องต่อทุกปี?
พ.ร.บ. มีอายุเพียง 1 ปี – หลังจากนั้นถือว่าหมดอายุทันที ไม่สามารถใช้คุ้มครองได้อีก
ต่อภาษีรถไม่ได้ถ้าไม่มี พ.ร.บ. – กรมขนส่งทางบกจะไม่รับต่อภาษีประจำปีหากไม่มีหลักฐาน พ.ร.บ. ที่ยังไม่หมดอายุ
เป็นการรักษาสิทธิ์คุ้มครองของตัวเองและผู้อื่น – เพราะถ้าประสบอุบัติเหตุแล้วไม่มี พ.ร.บ. จะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือทันทีตามกฎหมาย
ถ้าไม่ต่อ พ.ร.บ. จะเกิดอะไรขึ้น?
ผิดกฎหมาย – มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ต่อภาษีรถไม่ได้ – ส่งผลให้รถหมดภาษี และกลายเป็น “รถขาดต่อทะเบียน”
หมดสิทธิ์คุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุ – ถ้ามีคนบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รถของคุณจะไม่สามารถเคลมค่ารักษาพยาบาลหรือเงินชดเชยได้ตามกฎหมาย
เสี่ยงถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายเอง – ถ้าไม่มี พ.ร.บ. และเกิดอุบัติเหตุรุนแรง คุณอาจต้องจ่ายค่ารักษาให้ผู้อื่นเองทั้งหมด
ต่อ พ.ร.บ. ง่ายกว่าที่คิด
ทำได้ทั้งออนไลน์และที่สำนักงานประกันทั่วไป
ราคาไม่แพง เช่น รถยนต์ไม่เกิน 1,000 บาท / รถจักรยานยนต์ประมาณ 300-500 บาท
ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์
พ.ร.บ. คือความปลอดภัยพื้นฐานของทุกคนบนถนน
อย่ามองข้ามหรือคิดว่าเป็นภาระเล็กๆ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา การมี พ.ร.บ. คือสิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาความเสียหายได้อย่างรวดเร็วและมั่นใจที่สุด
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
151
31 ก.ค. 2568, 13:29
หลายคนที่กำลังจะสอบใบขับขี่ อาจมีคำถามในใจว่า “การสอบทฤษฎีกับปฏิบัติต่างกันยังไง?” แล้วต้องเตรียมตัวยังไงให้ผ่านทั้งสองด่านอย่างมั่นใจ บทความนี้จะพาไปเจาะลึกความแตกต่าง ไอดี ไดรฟ์ (Id Drives) พามาเช็คความพร้อมเทคนิคเตรียมตัวทั้งสองแบบอย่างครบถ้วน
การสอบทฤษฎี: ความรู้ที่ต้องแม่นก่อนจับพวงมาลัย
การสอบทฤษฎีเปรียบเหมือนการวางรากฐานของความรู้ก่อนเริ่มขับรถจริง เนื้อหาที่ต้องรู้ ได้แก่
กฎหมายจราจร
สัญญาณไฟ/ป้ายจราจร
มารยาทในการขับขี่
วิธีรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
สิ่งที่ช่วยให้สอบผ่าน:
ฝึกทำข้อสอบออนไลน์ เช่น แอปฯ DLT Exam หรือเว็บไซต์กรมขนส่ง
อ่านหนังสือคู่มือใบขับขี่จากขนส่ง
จดจำป้ายจราจรที่มักออกสอบบ่อยๆ
การสอบปฏิบัติ: สนามจริงที่วัดใจและทักษะ
การสอบปฏิบัติคือด่านที่ผู้สอบต้องแสดงทักษะการขับรถจริงในสนามของกรมขนส่ง เช่น
ขับรถตรงผ่านทางแคบ
จอดเทียบฟุตบาท
ถอยหลังเข้าซอง
ขับเลี้ยวซ้าย/ขวา และกลับรถ
เคล็ดลับสำเร็จ:
ฝึกขับกับครูฝึกในสนามจริง
รู้จังหวะรถตัวเอง เช่น การหมุนพวงมาลัย การเบรก การใช้กระจก
มีสติ ไม่รีบร้อน ทำทีละขั้นตอน
สรุป: ความรู้ + ทักษะ = ผ่านแน่นอน
การสอบใบขับขี่ไม่ได้ยากถ้าเราเตรียมตัวถูกทาง ความรู้ในห้องสอบทฤษฎีจะช่วยให้เราเข้าใจกฎหมายและขับรถอย่างปลอดภัย ส่วนการสอบปฏิบัติก็ช่วยให้เราใช้งานรถได้คล่องและมั่นใจมากขึ้น
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
201
31 ก.ค. 2568, 20:37
สวัสดีครับ ไอดีไดร์ฟ จะมาพูดถึงเรื่องกฎจราจร เคยไหมที่คุณเห็นคนฝ่าไฟแดง ขับรถย้อนศร หรือไม่หยุดให้คนข้ามถนน? สิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้อาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ความจริงคือ...พฤติกรรมเหล่านี้อาจเป็นต้นเหตุของการสูญเสียชีวิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น
เคารพกฎ = เคารพตัวเอง
การปฏิบัติตามกฎจราจร เช่น การขับไม่เร็วเกินกำหนด หรือการไม่เล่นโทรศัพท์ขณะขับรถ เป็นการแสดงถึงความห่วงใยในชีวิตของตนเอง เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และไม่มีใครอยากให้ตัวเองกลายเป็นเหยื่อ
เคารพกฎ = เคารพผู้อื่น
บนถนนเราไม่ได้อยู่คนเดียว
หากเราหยุดให้คนข้ามถนน หรือขับรถอย่างระมัดระวัง เราก็กำลังปกป้องชีวิตของคนอื่นที่อยู่รอบข้าง ทั้งคนเดินเท้า เด็ก คนชรา หรือผู้โดยสารที่นั่งมาในรถด้วย
เมื่อไม่เคารพกฎ ผลที่ตามมาคืออะไร?
อุบัติเหตุที่อาจถึงขั้นเสียชีวิต
บาดแผลทางร่างกายและจิตใจ
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน
ภาระของครอบครัวและสังคม
ความเปลี่ยนแปลงเริ่มที่เรา
การสร้างถนนที่ปลอดภัย เริ่มจากพฤติกรรมของผู้ใช้ถนน หากเราทุกคนช่วยกันเคารพกฎจราจร ไม่ทำผิดแม้เพียงเล็กน้อย สังคมไทยจะมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุน้อยลง และถนนก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนไว้ใจได้
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 083-5161596 หรือ 093-4083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
267
31 ก.ค. 2568, 17:18
อุปกรณ์ควรมีติดรถยนต์ที่ ไอดี ไดร์ฟ แนะนำเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหรือเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน การมีอุปกรณ์พื้นฐานติดรถไว้สามารถช่วยให้คุณรับมือได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย นี่คืออุปกรณ์ที่ไม่ควรขาด:
1 แม่แรงและประแจปอนด์
แม่แรง ใช้ในการยกรถขึ้นเพื่อเปลี่ยนยาง
ประแจปอนด์ ใช้ในการถอดและขันน็อตล้อ
2 สายพ่วงแบตเตอรี่
เมื่อแบตเตอรี่หมดหรือรถสตาร์ทไม่ติด การมี สายพ่วง จะช่วยให้สามารถขอพ่วงแบตจากรถคันอื่นได้
3 ชุดปฐมพยาบาล
ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย การมี ชุดปฐมพยาบาล จะช่วยในการดูแลเบื้องต้น
4 สเปรย์ยางรั่ว
สเปรย์ยางสามารถช่วยอุดรูยางชั่วคราวได้เมื่อล้อรั่ว ไม่ต้องเปลี่ยนยางทันที
5 ไฟฉายและเครื่องมือฉุกเฉิน
ไฟฉายจะเป็นสิ่งสำคัญหากเกิดเหตุในเวลากลางคืนหรือสภาพแสงน้อย
การเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับความปลอดภัยของผู้ขับขี่ แต่ยังเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
224
31 ก.ค. 2568, 12:24
ไอดี ไดร์ฟคิดว่าการขับรถขึ้นเขาอาจฟังดูน่ากลัวสำหรับมือใหม่ เพราะต้องเจอกับทางชัน โค้งหักศอก และแรงกดดันจากรถคันหลัง แต่ถ้าคุณเข้าใจหลักการและเตรียมตัวให้ดี การขับรถขึ้นเขาก็ไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ
เตรียมตัวก่อนขึ้นเขา
ตรวจสภาพรถ: ยาง เบรก น้ำมันเครื่อง น้ำหล่อเย็น ต้องพร้อมใช้งาน
เช็กเกียร์: รถเกียร์ธรรมดา – ตรวจคลัตช์ / รถออโต้ – รู้ตำแหน่งเกียร์ L หรือ S
พักผ่อนให้เพียงพอ: อย่าขับรถขึ้นเขาในขณะง่วงนอน เพราะต้องใช้สมาธิสูง
เทคนิคการขับขึ้นเขา
สำหรับรถเกียร์ธรรมดา:
ใช้ เกียร์ต่ำ (เกียร์ 1 หรือ 2) เพื่อให้แรงบิดสูง
เลือกจังหวะเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่อง
หากต้องหยุดกลางทาง ใช้ เบรกมือ + คลัตช์ ช่วยออกตัว ไม่ให้รถไหล
สำหรับรถเกียร์ออโต้:
เปลี่ยนมาใช้โหมด L หรือ S (หากมี Paddle Shift ใช้ได้)
ไม่เหยียบคันเร่งแรงจนเครื่องลากรอบเกินไป
ใช้เบรกมือถ้าต้องหยุดรถบนทางชัน
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ห้ามเหยียบเบรกค้างตอนลงเขา: เบรกอาจไหม้ได้ ควรใช้เกียร์ต่ำช่วยหน่วงความเร็ว
อย่าเร่งแซงบนโค้ง: อันตรายมาก! รอจังหวะทางตรงเท่านั้น
ระวังโค้งอับสายตา: ลดความเร็ว เตรียมพร้อมเบรก
สรุปสำหรับมือใหม่
"ขับขึ้นเขาไม่ยาก ถ้ารู้จังหวะ ควบคุมรถอย่างมั่นใจ และไม่รีบร้อน"
ขับช้าแต่ชัวร์ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าค่ะ
สนใจเรียนเรียนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : สอนขับรถพร้อมสอบใบขับขี่ที่ ไอดี ไดร์ฟเวอร์
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126 หรือ 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th
214
31 ก.ค. 2568, 17:46